ปกรณัมเทพประยุทธ์ [Dunya - Anima & Pray -]

โดย Hiyumaru LovekumA

ลินด์สาวสวยวัย18 ประสบอุบัติเหตุทางน้ำ แต่ด้วยความช่วยเหลือจากพลังประหลาดทำให้รอดตายมาได้ แต่ก็ต้องจับพลัดจับผลูมาผจญภัยในดินแดนเวทมนตร์ในฐานะของผู้กอบกู้โลกแทน//นิยายโรแมนติกแฟนตาซี สไตล์ไลท์โนเวลค่ะ

อ่านนิยาย

รีวิวจากนักอ่าน

รีวิว

แฟนตาซีหลุดขอบโลกกับเด็กสาวธรรมดาที่กลายเป็นผู้กล้าตามตำนานของโลกดันญ่า

รีวิวถึงลำดับตอนที่ 25

เยี่ยมมาก
 

จากอุบัติเหตุทางน้ำที่ไม่คาดฝันส่งผลให้เด็กสาวธรรมดาผู้มีวิถีชีวิตเรียบง่ายบนโลกมนุษย์ ถูกอำนาจบางอย่างส่งตัวเธอข้ามมิติเวลากว่าหลายล้านปีแสงไปยังโลกอีกใบที่เธอไม่รู้จัก แต่คนที่นั่นกลับทำนายว่าเธอเป็น ผู้กอบกู้โลกดันญ่าตามตำนาน วิถีชีวิตนับจากนี้จะเดินไปในทิศทางไหนต้องมาตามลุ้นไปกับเธอ...

1. โครงเรื่อง: ก่อนจะพูดถึงเค้าโครงเรื่องโดยรวมเราขอเอ่ยถึงชื่อเรื่องก่อนเลยนะ ปกรณัม แค่ชื่อนี้ชื่อเดียวเราถึงกับนำไปค้นหาในGoogleกันเลยทีเดียว (แว๊บแรกที่เห็น จินตนาการออกมาได้ว่า เฮ๊ะจะเป็นบอย ปกรณ์ รึเปล่าหว่า สรุปว่ามั่วสุดๆ555+) หลังจากที่แปลออกมาก็สรุปได้ว่าเป็นชื่อเทพเจ้าในตำนานของชาวกรีกนั่นเอง โดยรวมแล้วชื่อภาษาไทย ปกรณัมเทพประยุทธ์ ในความคิดของเราถือว่าคุณตั้งได้แปลกดีค่ะ หากไม่นำมาแปลความหมายนักอ่านก็สามารถเข้าใจตรงกันได้ไม่ยากว่านิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการต่อสู้ของเทพนามว่า ปกรณัม (รึเปล่า?) ส่วนชื่อภาษอังกฤษ [Dunya - Anima & Pray -] เกี่ยวกับจิตวิญญาณ และแรงอธิฐาน  ส่วนคำนี้ Dunya (ดันยา) คงเป็นชื่อตัวละครเอกสินะ ถ้าใช่ แล้วนามนี้ ปกรณัม คือคนๆเดียวกันหรือคนละคนกับนานมนี้  ดันยา ล่ะ ชักเริ่มสงสัย? พอได้อ่านข้อมูลเบื้องต้นแล้วเจอประโยคนี้ ดันญ่า -เทพแห่งการสรรสร้าง- อ่า... Dunya เขียนเป็นไทยและตีความหมายออกมาได้แบบนี้นี่เอง เอาละ พอเราเห็นชื่อเรื่องภาษาอังกฤษที่แท้จริงของคุณแล้ว เรารู้สึกแบบว่าชื่อไทยที่กล่าวถึงเทพฯกับชื่ออังกฤษที่กล่าวถึงตัวเอกมันไม่สัมพันธ์กัน เหมือนกับคุณลังเลใจว่าจะใช้ชื่อไหนดี พอเลือกไม่ได้ก็เอามันทั้งสองซะเลย ทั้งที่ความจริงคุณสามารถใช้ชื่อนี้ Dunya เทพแห่งการสรรสร้าง ได้เลย (ในความคิดนะ-O-;)

            เทพเจ้าสรรสร้างทุกสรรพสิ่ง แต่ก็มอบความตายให้สรรพชีวิตเช่นกัน.... ณ โลกที่ฉันไม่รู้จัก... เรื่องราวต่างๆได้เกิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้... ยิ่งได้อ่านการเกริ่นนำข้างต้นยิ่งให้รู้สึกว่าชื่อนี้ เทพแห่งการสรรสร้าง เหมาะสมกับเนื้อเรื่องอย่างแรง! การเกริ่นเรื่องถือว่าเรียบเรียงได้ดีค่ะ แต่ในความรู้สึกของเรามันยังออกแนวธรรมดาอยู่มาก นั่นเพราะคนอ่านอย่างเราเข้าใจว่าเทพเจ้าเป็นได้ทั้งผู้สร้างและผู้ทำลายในคราวเดียวกัน มันจึงไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่อะไร หนำซ้ำประโยคหลังยังไม่ค่อยน่าสนใจสักเท่าไหร่ ส่งผลให้แรงจูงใจในการอ่านลดน้อยถอยลงอย่างประหลาด

                จากข้อมูลเบื้องต้นคุณสามารถสื่อความเป็นเทพผู้สรรสร้างออกมาได้ดีไม่มีที่ติจริงๆ คนอ่านสามารถเข้าใจตามได้โดยง่ายว่าสรรพสิ่งบนโลกก่อเกิดมาจากอวัยวะส่วนใดของร่างกายเทพเจ้า นอกจากนี้ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับชื่อทั้งสองนี้ด้วย Anima & Pray ความเกี่ยวพันระหว่างกลางวันกับกลางคืน นำไปสู่เรื่องราวดีร้ายในภายภาคหน้า และทั้งสองชื่อนี้คงเป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายของนิยายเรื่องนี้สินะ

                จริงๆแล้วโครงเรื่องโดยรวมของนิยายเรื่องนี้ก็ออกแนวสั้นๆง่ายไม่ซับซ้อนอะไร นั่นคือ ตัวเอกประสบอุบัติเหตุทางน้ำแล้วได้รับความช่วยเหลือจากพลังลึกลับบางอย่าง ให้ข้ามมิติเวลามาอีกโลกหนึ่ง สำหรับโลกใบใหม่ไม่ใช่ใครก็มาได้ แต่เพราะเธอมีชะตากรรมบางอย่างร่วมกับบุคคลในตำนานของสถานที่ใหม่นั่นเอง แม้เค้าโครงเรื่องจะไม่ได้ซับซ้อนใดๆและง่ายต่อการคาดเดาก็จริง แต่ถือว่าน่าสนใจไม่แพ้แนวเรื่องอื่นๆที่มีความซับซ้อนมากมาย นั่นเพราะในความง่ายดายของนิยายเรื่องนี้คุณได้สร้าง ไห้มีการปมทั้งดีร้าย และรวมถึงคำถามมากมายเอาไว้ให้นักอ่านสงสัยจนต้องติดตามต่อโดยปริยาย

2. ตัวละคร: ทุกตัวละครที่คุณถ่ายทอดออกมาล้วนแล้วแต่มีความเป็นเอกลักษณ์และเป็นตัวของตัวเองสุดๆ ไม่ว่าคุณจะเขียนให้เขาหรือเธอมีนิสัยอย่างไร พวกเค้าเหล่านั้นก็จะคงอารมณ์ของตัวเองไว้ได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ขอชื่นชมในเรื่องนี้และหวังว่าคุณจะรักษาไว้นะ อ๋อ เราขอเอ่ยถึงนิสัยสุดแสนจะโดดเด่นของตัวละครที่ออกมาโลดแล่นหลักๆตามความรู้สึกของเราแต่เพียงผู้เดียว แหะๆ

                ลินด์ (นางเอกของเรื่อง) ร่าเริงสดใส ปากเก่ง (โดยเฉพะกับเซซิล) ใจอ่อนง่าย (โดยเฉพาะกับคิโยะ) ช่างฝัน จินตนาการล้ำลึก แต่พอเข้าจริงกลับล้มเหลวไม่เป็นท่า

                คิโยะ (พระอะไรไม่รู้ แต่นักอ่านส่วนใหญ่เทใจให้โดยไม่มีเงื่อไขและพร้อมจะยกตำแหน่งพระเอกให้หนุ่มน้อยคนนี้ได้ทุกเมื่อ) ใจดี ร่างเริงสดใส อ่อนโยน และอ่อนไหวง่าย

                เซซิล (พระเอกของเรื่องที่นักอ่านส่วนใหญ่ไม่ปลื้ม/เอ๊ะยังไง) สุขุม เยือกเย็น เป็นคนเจ้าระเบียบ จะเรียกว่าเผด็จการก็คงไม่ผิด ที่สำคัญปากร้าย (โดยเฉพาะกับลินด์) ใจดี (โดยเฉพาะกับคิโยะ)

3. การใช้ภาษา: ก่อนจะพูดถึงการใช้ภาษาโดยรวม เราขอพูดถึงรายละเอียดของสามบทแรกก่อนนะ เริ่มจากบทนำ (แสงอันเป็นนิรันดร์) เป็นการบรรยายที่ว่าด้วยเรื่องของแสง เข้าใจนะว่าคุณตั้งใจจะสื่อถึงสิ่งนี้ บอกตรงๆว่าแสงสว่างที่คุณเอ่ยถึงมันดูเยอะและยืดเยื้อเกินไป ส่งผลให้สำนวนภาษาไม่สละสลวยและไม่ลื่นไหลอย่างที่มันควรจะเป็น จริงๆแล้วคุณสามารถลดทอนคำว่าแสงออกบ้าง และลดคำซ้ำซ้อนออกด้วย จะช่วยให้สำนวนภาษาดูลื่นไม่สะดุด

                เอ่อ... บทนำนี้ถือเป็นการเข้าสู่เนื้อหาของเรื่องแล้วใช่มั้ย เห็นคุณฮิยูเกริ่นไว้ในข้อมูลนิยายว่า ตัวเอกประสบอุบัติเหตุแล้วได้รับความช่วยเหลือจากพลังลึกลับบางอย่าง ให้ข้ามมาอีกโลกหนึ่ง ถือว่าเป็นการดึงตัวเอกเข้าสู่เนื้อเรื่องแบบรวดเร็วทันใจดีค่ะ

บทที่1 (โลกที่ไม่รู้จัก) คุณฮิยูใช้การบรรยายโดยบุรุษที่หนึ่ง ถึงแม้คนอ่านจะเข้าใจการดำเนินเรื่องในวงที่แคบและจำกัดเพราะมีแต่ความรู้สึกนึกคิดของตัวเอกที่มีต่อบุคคลรอบข้างฝ่ายเดียว แต่คุณก็สามารถบรรยายออกมาได้ลื่นไหลดี มีการใช้ภาษาแปลกๆที่บ่งบอกให้เข้าใจตรงกันว่านักอ่านคือคนๆเดียวกันกับตัวเอกอย่างไงอย่างงั้น สิ่งไหนที่ตัวเอกเข้าใจนักอ่านก็เข้าใจ สิ่งไหนที่ตัวเอกไม่รู้ นักอ่านก็ไม่รู้ (จุดนี้เรารู้สึกประหลาดใจพอๆกับประทับใจเลยค่ะ-///-;) นอกจากนี้ภาษาที่คุณเขียนบรรยายความออกมาก็เข้าใจง่าย ไม่ใช่สำนวนที่เลิศหรูเกินไป หรือจักรๆวงศ์ๆเกินเหตุ ไม่ยืดเยื้อ ไม่พร่ำเพลื่อ มันให้อารมณ์โลกมนุษย์ของเราโดยแท้ ที่สำคัญลักษณะนิสัยและคำพูดคำจาของตัวเอกที่คุณสื่อออกมายังบ่งบอกถึงความเป็นเด็กสาวธรรมดาคนหนึ่งซึ่งมีชีวิตจริงๆก็ไม่ปาน สรุปว่าตัวเอกที่คุณสร้างขึ้นถือเป็นตัวของตัวเองสุดๆ จนบางครั้งเรารู้สึกว่าคำพูดคำจาหรือคำบรรยายของเธอจะออกแนวไปทางภาษาพูดมากกว่าภาษาเขียนก็ตามที มีประโยคหนึ่งในบทนี้ที่เราว่ามันแปลกๆ พร้อมทั้งช่วงชิงริมฝีปากของฉันอย่างรวดเร็ว เอิ่ม... บรรยายแบบนั้นมันเหมือนสิ่งของมากกว่าอวัยวะนะ (ลองเปลี่ยนเป็น ประกบ ฉวยโอกาส หรือ ปล้นจูบ บลาๆอะไรก็ว่าไป) บทนี้ถือว่าทำได้ดีค่ะ มีการลำดับเหตุการณ์ก่อนหลังได้ปะติดปะต่อ ไม่วกวนและเข้าใจง่าย นักอ่านสามารถจับจุดและลำดับเรื่องราวตามได้ไม่ยาก เสน่ห์ที่ทำให้นักอ่านติดตามนิยายเรื่องนี้ต่อ ไม่ใช่ปมหรือข้อข้องใจที่คุณทิ้งไว้ แต่มันเป็นความหลากหลายทางอารมณ์ของตัวเอกที่มีต่อตัวละครอื่นๆ ซึ่งคุณปูทางเอาไว้ให้นักอ่านค้างคากับกลิ่นไอบางอย่างจนต้องตั้งตารอเพื่อติดตามอ่านต่อไป

บทที่2 (มื้อค่ำ) ตอนต้นเรื่องเรารู้สึกว่าคุณบรรยายความได้ปุบปับจนน่าตกใจ มันเหมือนคุณตัดฉากให้จบๆไปยังไงไม่รู้ จากอารมณ์ตื่นเต้นและเป็นงานเป็นการของคำว่าผู้กล้า ซึ่งคนอ่าน (โดยเฉพาะเรา-O-;) กำลังอยู่ในอารมณ์ฮึกเหิมพอดู แต่จู่ๆดันถูกเรื่องของเสื้อผ้าเข้ามาแทนที่ซะงั้น (บอกตรงๆว่าเราถึงกับเงิบอ่ะ) แบบว่า... เรื่องเสื้อผ้ามันสำคัญกว่าเรื่องผู้กล้าอย่างนั้นหรือ? พอผ่านพ้นบทสนทนาข้างต้นไปแล้วก็เข้าสู่เรื่องราวอื่นๆ ซึ่งเรามองว่าไม่ได้ตื่นเต้นอะไร ยังให้ความรู้สึกเรื่อยๆอยู่ จะว่าคุณเอามาขั้นเนื้อหาหลักของเรื่องให้สิ่งที่บรรยายเยอะแยะ (จะเรียกว่าโฆษณาก็คงไม่ผิด) ซึ่งเรามองว่าไม่ต้องใส่ลงไปให้นิยายมันยืดเยื้อก็ได้นะ บทที่2.5 อันนี้เป็นการเกริ่นถึงเรื่องของแสงที่กล่าวไว้ในตอนต้น อาจจะเรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องเลยก็ว่าได้ แต่เราก็ยังแอบสงสัยอยู่บทนี้คุณต้องการจะสื่อถึงอะไร ทำไมถึงได้ดึงเรื่องราวของแสงขึ้นมาลอยๆแบบนี้ล่ะ แต่พอได้อ่านบทที่3 คำถามก่อนหน้านี้ก็หายไปในทันที อ๋อมันคือความฝันของตัวเอกนั่นเอง ขออนุญาตแนะนำสักนิด เราไม่แน่ใจว่าคุณแยกความฝันออกมาจากความจริงเพื่ออะไร (ความสวยงาม ลูกเล่นชวนติดตาม หรือแยกความจริงกับความฝันให้เห็นเด่นชัด) แต่ถ้าเป็นไปได้ แนะนำให้ใส่ไว้ในบทเดียวกันจะเหมาะกว่าไหม เพราะมันจะให้ความรู้สึกต่อเนื่อง ไม่ขาดช่วง และไม่สะดุดความคิดเหมือนอย่างที่เราเป็นอยู่ตอนอ่าน2.5จบ นอกจากนี้แล้ว ในบทที่3 รู้สึกว่าตัวเอกจะสับสนกับสรรพนามที่ใช้แทนตัวนะ แนะนำให้ใช้ฉันต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอบุคคลที่สองเข้ามารวมอยู่ในส่วนหนึ่งของความคิดเธอแล้วค่อยใช้คำว่าเราจะดูเข้าท่ากว่านะ

เอาล่ะ เรามาพูดถึงการดำเนินเรื่องตั้งแต่บทที่1 จนถึงบทที่16.5 กันเลยดีกว่า สรุปรวมได้ว่าบรรยายได้ดีไม่มีที่ติ ทั้งเหตุการณ์ สถานที่ บรรยากาศ อากัปกิริยา หรือว่าอารมณ์ตัวละครล้วนแล้วแต่สมจริง นั่นเพราะคุณฮิยูสามารถจัดวางองค์ประกอบเหล่านั้นได้เหมาะสม เป็นเรื่องราวที่ปะติดปะต่อและไม่กระจัดกระจาย อ่า... ขออนุญาตเอ่ยถึงบางบทบางตอนที่เรารู้สึกตะขิดตะขวงและสงสัยใคร่รู้เหลือเกินบ้างนะ บทที่1กับ2 เราสงสัยจังว่าทำไมตัวเอกต้องฝังใจว่าตัวเองเข้ามาอยู่ในโลกเวทมนต์ โดยเฉพาะพูดคำว่าแฟนตาซีจนติดปาก แทนที่จะคิดเป็นอย่างอื่นหรือพูดหลายๆอย่างก่อนแล้วค่อยมาสรุปอีกทีแบบไม่เป็นทางการว่าเธอน่าจะถูกพลังบางอย่างดึงดูดมายังอีกโลกที่เต็มไปด้วยเวทมนต์ซึ่งเธอไม่รู้จัก หรือข้ามเวลา หรือย้อนเวลา อะไรก็ว่าไป แต่ถ้าระบุตรงๆโดยไม่คิดไปในทิศทางอื่นเลย เราว่ามันไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ และไม่สมจริงสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะคำว่า แฟนตาซี ที่ตัวเอกย้ำนักย้ำหนา มันเหมือนคุณจงใจให้นักอ่านเชื่อและคล้อยตามว่า… นี่คือนิยายแฟนตาซีและมีเรื่องของเวทมนต์เข้ามาเกี่ยวข้องจริงๆนะ ไม่ได้โกหก! และคนอ่าน (อย่างเรา) ก็พยายามทำใจเชื่อตามอย่างที่คุณย้ำไว้แบบขอไปที ประมาณว่า... เชื่อแล้วๆว่านิยายเรื่องนี้แฟนตาซีจริงๆ ไม่ต้องย้ำบ่อยขนาดนั้นอะไรประมาณนั้น

เอิ่ม... โลกที่ตัวเอกอยู่ชื่อว่าดันญ่า ตามท้องเรื่องที่เกริ่นมาตั้งแต่ต้นหรือเนี่ย อ่านมาตั้งนานพึ่งจะรู้ว่าโลกใบใหม่นี้ชื่อ ดันญ่า ก็บทที่9 แน่ะ (หรือเราอ่านไม่ละเอียดก็เลยพึ่งมาเอะใจ?) ทั้งๆที่ตอนแรกคุณบรรยายและปูทางมาแทบจะไม่ค่อยสอดคล้องจนกลายเป็นชื่อโลกก็เถอะ ถ้าเป็นไปได้ก็บอกชื่อนี้ตอนที่ตัวเอกอ่านประวัติในบทที่6ก็ดีนะ บทที่10 การต่อสู้ของเด็กปีหนึ่งทั้งสอง ดุเด็ดเผ็ดมัน ทั้งคู่ผลัดกันเดินเกมได้สูสีมีจังหวะจะโกนมาก แต่แอบงงนิดนึง ช่วงที่คิโย๊ะโดนแมกไม้ตรึงกาย ซึ่งเรามองว่าเจ้าตัวน่าจะขยับไปไหนไม่ได้ แต่จู่ๆก็สามารถจับยูคุงทุ่มได้เฉยเลย หนำซ้ำคุณยังไม่ได้ชี้แจงด้วยว่าคิโย๊ะหลุดจากมนต์ตรึงกายออกมาจนสามารถจับยูคุงทุ่มได้ยังไงทั้งๆที่ยังไม่ได้ร่ายมนต์ใดๆก่อนเลย หรือว่ามีเทคนิคพิเศษอะไรก็น่าจะอธิบายเพิ่มนะ

เราไม่ขอพูดถึงเนื้อหาและการดำเนินเรื่องราวในแต่ละบทแต่ละตอน (ที่ดูเหมือนจะเยอะเกินไปมากเลย-[]-;) นะ นั่นเพราะเราคิดว่าคุณมีข้อมูลในการเขียนเรื่องราวเหล่านี้เยอะมากพอดู ทำให้อดไม่ได้ที่จะนำมาใส่ในเนื้อหาโดยละเอียดเพื่อให้นักอ่านเข้าใจตรงกัน โดยรวมแล้วการใช้ภาษาของคุณถือว่าเขียนได้ดีมากเลยล่ะ ช่วงเริ่มแรกของเรื่องบรรยายโดยใช้บุรุษที่หนึ่ง ซึ่งอ่านแล้วก็ให้รู้สึกว่าเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน ลื่นไหล ไม่สะดุด และคุณมีการลงความรู้สึกนึกคิดของตัวเอกลงไปแบบเต็มๆ ในความคิดของเรา มันให้อารมณ์ประมาณว่า... การสื่อสารที่ตัวเอกแสดงออกมามันสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับความรู้สึกนึกคิดของนักอ่าน ณ ขณะนั้น เสมือนนักอ่านได้เข้าไปเป็นหนึ่งในตัวละครของเรื่องหรือจะเรียกว่าเป็นตัวเอกที่กำลังบรรยายอยู่ก็ไม่ผิด ต่อมาในช่วงบทหลังๆก็มีการใช้บุรุษที่สามเข้ามาบรรยายร่วม ซึ่งคุณก็บรรยายได้ดีไม่ต่างจากการใช้บุรุษที่หนึ่งเลย อ่านง่าย ลื่นไหล ไม่ยืดเยื้อ ที่สำคัญนักอ่านสามารถมองภาพในเนื้อหาได้กว้างมากขึ้น สารภาพตามตรงว่าเรารู้สึกชอบการบรรยายโดยบุรุษที่สามของคุณมากเลยนะ เพราะมันเป็นกลางและสมจริง แบบว่ามันดูจริงจัง เหมือนกับเป็นการเข้าสู่แกนเรื่องจริงๆของนิยายในขณะที่บุรุษที่หนึ่งแค่เอาไว้เรียกน้ำย่อยเฉยๆ ประมาณว่าให้นักอ่านได้ผ่อนคลายอารมสุนทรี (เรียกว่าสำลักความสุขก็คงได้) ก่อนจะพาเข้าไปสู่ความตึงเครียดและอารมณ์หนักๆ (เรียกว่ากระอักความทุกข์ก็คงไม่ผิด)

ก่อนจบความเยอะลงที่ตรงบรรทัดนี้เราขอออกความคิดเห็นอีกข้อที่เรารู้สึกตะหงิดๆ หวังว่าคุณจะลองนำกลับไปพิจารณาสักนิด เอาล่ะๆ เราจะเอ่ย (ความยาวสาวความยืด) ล่ะนะ สารภาพจากใจจริงเลยว่าหลังจากที่เราอ่านนิยายของคุณตั้งแต่ชื่อเรื่อง การเกริ่น ข้อมูลเบื้อต้น บทนำ บทที่หนึ่ง มาจนกระถึงบทที่สิบหกจุดห้า (ขนาดนั้นเลย=[]=;) เราขออนุญาตบอกเล่าให้คุณทราบเบาๆว่า... ชื่อเรื่อง การเกริ่น และข้อมูลเบื้องต้นที่คุณลงไว้ไม่ค่อยสอดคล้องหรือสัมพันธ์กันกับเนื้อหาทั้งหมดของเรื่องราวที่คุณแต่งเลย นั่นเพราะสิ่งที่คุณเกริ่น ข้อมูลเบื้องต้น รวมถึงชื่อเรื่อง มันเป็นตำนานของโลกใหม่ที่คุณให้ชื่อว่า ดันญ่า มากกว่าจะเป็นเค้าโครงหลักของเรื่อง ซึ่งเราคิดว่าเค้าโครงหลักหรือจุดเริ่มต้นของนิยายแฟนตาซีเรื่องนี้ มันน่าจะเป็นเรื่องราวของเด็กสาวนามว่าลินด์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตำนานและนำไปสู่การต่อสู้เหนือจินตนาการในฐานะผู้กอบกู้โลกใบใหม่นี้น่ะนะ จากที่เราอ่านและจับใจความในประเด็นของเรื่อง ดูเหมือนคุณจะเน้นไปที่ตัวเอกมากกว่าตำนานซะอีก ส่งผลให้ชื่อเรื่องที่คุณแต่ง การเกริ่นนำที่คุณเอ่ย และข้อมูลเบื้องต้นที่คุณบรรยายไว้ ไม่ตรงกันกับเนื้อหาหลักของเรื่อง แต่ควรจะเป็นส่วนประกอบหนึ่งของถีชีวิตของตัวเอกมากกว่า (หวังว่าคุณจะไม่งงนะ-//-;) สรุปเลยล่ะกัน เราคิดว่า... 1.> คุณน่าจะใช้ชื่อเรื่องที่สื่อถึงลินด์มากกว่าสื่อถึงตำนาน  2.> การเกริ่นเรื่อง แนะนำให้คุณเอาเนื้อเรื่องย่อที่บอกว่า... ลินด์สาวสายวัย 18 ประสบอุบัติเหตุทางน้ำ ฯลฯ ไปใส่แทน บอกตรงๆว่ามันเข้ากับเนื้อเรื่องมาก และเหมาะกว่าการที่คุณนำประโยคดังกล่าว ไปใส่ไว้ในข้อมูลนิยายซะอีก 3.> ข้อมูลเบื้องต้น เท่าที่อ่านเนื้อเรื่องเราเห็นว่าคุณมักจะเน้นเรื่องราวความเป็นไปของตัวเอกมากกว่าจะเป็นตำนาน เราจึงรู้สึกว่ามันไม่เข้ากับเนื้อหาหรือเค้าโครงเรื่อง ดังนั้นขอแนะนำให้คุณเขียนข้อมูลเบื้องต้นโดยกล่าวถึงตัวเอกเป็นหลักไปเลย ส่วนตำนานก็ให้คงไว้ในส่วนของเนื้อเรื่อง (บทที่6) ตามปกติ ซึ่งถือว่าเหมาะสมแล้ว ที่สำคัญการบรรยายของคุณก็จะไม่เกิดความซ้ำซ้อน หนำซ้ำคนอ่าน (อย่างเรา) จะยิ่งคล้อยตามนิยายของคุณว่าจริงๆแล้วเป็นเรื่องราวของเด็กสาวที่มีความเกี่ยวข้องกับตำนาน

4. แก่นเรื่อง:  ตัวเอกที่มีชาติกำเนินเป็นมนุษย์โลกที่มีวิถีชีวิตธรรมดาทั่งไป แต่วันหนึ่งเกิดประสบอุบัติเหตุจนเกือบตาย และการรอดตายครั้งนี้เกิดจากการช่วยเหลือของเทพเจ้านางหนึ่งซึ่งเธอเคยเห็นและผูกพันในวัยเด็ก ทว่าการมีชีวิตอยู่ก็เหมือนไม่มี นั่นเพราะสถานที่ที่เธอถูกส่งมาโดยพลังลึกดันไม่ใช่โลกใบเดิมที่เธอรู้จัก แต่มันกลับเป็นโลกใบใหม่ที่มีชื่อเรียกว่า โลกดันญ่า’ ซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปจากโลกมนุษย์นับร้อยนับล้านปีแสง จากเด็กสาวมนุษย์โลกธรรมดา (ซึ่งชื่อของเธออาจจะถูกลบลืมไปจากหน้าประวัติศาสตร์ของโลกมนุษย์ไปหลายชั่วอายุคนแล้ว) ต้องกลายมาเป็น ผู้กอบกู้โลก ตามตำนานที่ถูกเล่าขานกันมาปากต่อปาก ณ สถานที่แห่งใหม่นี้ (บางทีชื่อของเธออาจจะถูกจารึกลงในหน้าประวัติศาสตร์ของโลกใหม่ก็เป็นได้) ถ้าเช่นนั้นชีวิตธรรมดาของเธอจะยังเรียกว่าธรรมดาได้อยู่ไหม ชื่อที่ถูกลืมในโลกเก่าจะถูกจารึกในโลกใบใหม่หรือไม่?! นักอ่านทั้งหลายคงต้องติดตามและลุ้นไปกับเจ้าของนามสั้นๆ ลินด์ แล้วล่ะ