จ้างมาสบตาทั้งชีวิต เฮียคิดเท่าไหร่คะ

จะเป็นอย่างไรเมื่อซินดี้ โมเดลสาวตัวท็อปควบตำแหน่งผู้ถือหุ้นรายใหญ่จากวีโม่ ถูกศรรักปักเข้าที่อกเต็มเปา ปฏิบัติการเกี้ยวหนุ่มบริษัทคู่ค้าจึงเริ่มต้นขึ้น แต่แล้วยังไง หนุ่มลูกครึ่งไทย-จีนก็ทำทรงหมาหยอกไก่ เอาแน่เอานอนไม่ได้ เห็นเนิร์ดๆใส่แว่นหนาเตอะแบบนั้น ฟังจากคารมคมคายก็รู้ว่าเขาน่ะมันร้ายเงียบ!! สาวจากบริษัทพาร์ทเนอร์อย่างคนนั้นน่ะเหรอ บอกเลยว่าสวยแต่รูปจูบไม่หอม! ความมั่นอกมั่นใจชนิดที่คนอื่นต้องชิดซ้ายของหล่อนทำเอาเขาไปไม่เป็น ชีวิตไฮโซอย่างหล่อนไม่จำเป็นต้องทำงานก็มีเงินจากหุ้นในบริษัทยักษ์ใหญ่มารองรับ แล้วจะมาสนใจอะไรกะอีแค่ค่ายเพลงกลางๆของเขา ที่สำคัญหล่อนร้องเพลงไม่เป็นซะด้วยซ้ำ “เหอะ ชั้นจะรอวันที่คุณยอมศิโรราบ” “ไม่มีวันนั้นแน่...คุณคนสวย” ******* “จากเรซูเม่ที่คุณยื่นมาดูเหมือนจะไม่มีประสบการณ์ด้านดนตรีเลยนะครับ” เฉิงอี้ไล่สายตาดูคร่าวๆจากแฟ้มที่หล่อนส่งมาพบว่าเคยขึ้นปกนิตยสาร ถ่ายแบบเสื้อผ้าเป็นหลัก ส่วนนอกนั้นมีงานพรีเซนเตอร์สินค้าบ้างประปราย ไหนประสบการณ์ด้านดนตรี? “ใช่ค่ะ” หญิงสาวตอบรับอย่างไม่คิดปิดบัง แววตาของหล่อนดูใสซื่อเหมือนกวางน้อย ทว่ากลับแฝงไปด้วยความนัยอะไรบางอย่างที่เขาเองก็อ่านไม่ออก “แล้วคุณร้องเพลงได้ไหมครับ” เขาถามต่อ “ไม่ค่ะ” เธอตอบกลับเสียงใส คิ้วคมราวกระบี่เริ่มขมวดเป็นปม “แล้วพื้นฐานการเต้นล่ะครับ มีหรือเปล่า” ปากกาในมือชายหนุ่มเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข หรี่ตาจับผิดมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ชุดที่เธอสวมวันนี้ดูยังไงก็ไม่เหมือนมาสัมภาษณ์งานสักนิด เสื้อเชิ้ตสีขาวทับด้านนอกด้วยเสื้อสูทตัวโคร่งเข้าคู่กับกระโปรงทรงเอสีดำผ่าข้างเผยเรียวขาสวยของเจ้าหล่อน รองเท้าบู๊ทหนังสีดำเสริมส้นเล็กน้อย ผมดำลอนสยายจนถึงกลางหลังปรกมาด้านหน้าเล็กน้อย ต่างหูแบรนด์ดังที่น่าจะเป็นเซตเดียวกันกับสร้อยคอไข่มุกเส้นไม่เล็กไม่ใหญ่ ใครพบเห็นก็คงคิดว่าเธอกำลังจะไปเดินแฟชั่นวีคแหงๆ “ไม่มีค่ะ”  เธอยังตอบพร้อมรอยยิ้มเช่นเดิม “แต่เราเป็นบริษัทเอนเตอร์เทนนะครับ” “คุณควรจะมีสักความสามารถที่ตรงกับบริษัทเราบ้าง” “ฉันสวยค่ะ” “....”