
จางหมี่สาวน้อยผู้มีตาทิพย์ เล่ม.3

ผ่านเรื่องราวของคนตระกูลจ้าวมาแล้ว 2 สัปดาห์ ตอนนี้ร้านชาเทพธิดาของเธอก็ถูกตกแต่งใกล้เสร็จเรียบร้อย มันสวยงาม และดูโบราณมีมนต์ขลังตามที่เธอต้องการทุกประการ นับว่าฝีมือของผู้จัดการเว่ยไม่เลวเลย จางหมี่ให้รางวัลเขาที่เป็นธุระจัดการให้เธอหลายอย่าง และเธอยังเอาน้ำทิพย์สวรรค์แบบเจือจางให้เขาด้วย 1 ขวด ผู้จัดการรับเงินและน้ำมาหนึ่งขวดก็งวยงงอยู่ แต่พอจางหมี่บอกว่านี้เป็นน้ำยาปรุงพิเศษเพื่อบำรุงเส้นผม ผู้จัดการเว่ยก็ไม่คิดมาก เขากระดกน้ำขวดนั้นทันที เพราะถ้าอะไรที่มาจากครอบครัวนี้จะต้องเป็นของดีแน่นอน ก็ดูพวกเขาสิสวย หล่อ กันทุกคนเลย ผู้จัดการเว่ยที่หัวเริ่มจะล้านเพราะผมของเขานั้นร่วงมานาน คิดว่านี่คือฟางเส้นสุดท้ายให้เขาจะกอดแล้วละ ส่วนเรื่องของตระกูลจ้าวนั้นจางหมี่ได้รับทราบข่าวจากนายท่านหวังว่า ตระกูลจ้าวได้ส่งตัวของจ้าวจิ้นซิ่วไปอยู่ต่างประเทศไม่มีกำหนดให้กลับมาโดยส่งคนของตระกูลไปเฝ้าเอาไว้ ส่วนจ้าวหรงฮวานั้นป่วยหนักเพียงไม่ถึง 2 สัปดาห์ก็เสียชีวิตลงไป เพราะว่าหนอนกู่ที่อยู่ในร่างกายเมื่อมันไม่มีคู่มันก็จะตายและเจ้าของร่างที่มันอาศัยอยู่ก็จะตายตามมันไปด้วยเพราะว่าเมื่อมันตายมันจะกระจายพิษร้ายแรงออกมาทั่วร่างของร่างที่มันอาศัยอยู่และถ้ามีใครอยู่ใกล้จ้าวหรงฮวาก็มีโอกาสที่จะได้รับพิษไปด้วยได้ นั้นจึงเป็นงานต่อเนื่องของจางหมี่อีกที่จำเป็นจะต้องไปที่ตระกูลจ้าวที่อยู่ที่ปักกิ่งกับท่านหวังเทียนซานและจ้าวหงอวี้ที่ตอนนี้ชื่นชอบจางหมี่มาก และเธอขอบคุณจางหมี่ครั้งแล้วครั้งเล่า ที่ช่วยชีวิตเธอเอาไว้ เมื่อนัดกันเรียบร้อยจางหมี่ก็จะไปปักกิ่งกับนายท่านหวัง และคราวนี้เธอให้แม่และครอบครัวของป้าถงไปด้วยถือซะว่าไปช้อปปิ้งที่ปักกิ่ง เพราะถึงอย่างไรตอนนี้ร้านชาสวรรค์ก็ยังไม่เปิด ถือโอกาสให้แม่กับป้าไปเที่ยวก่อนจะมาทำงานก็แล้วกัน นายท่านหวังนั้นให้จางหมี่และแม่นั่งไปกับรถโรส์-รอยซ์ของเขาและให้ลุงเจียงป้าถงขับรถเมอเซเดสเบนซ์ ของพวกเขาตามไป เมื่อจางหมี่เข้ามานั่งในรถโรส-รอยซ์ก็รู้ชอบมากเธอบอกท่านหวังว่าเธออยากจะได้สักคัน เอาไว้ให้แม่ของเธอขับ ส่วนรถเมอร์เซเดสคันนั้นเธอจะให้แม่ของเธอ เอาไว้ไปจ่ายตลาดแทน ซึ่งท่านก็ตอบตกลงจะหาให้เธอ จางหมี่บอกว่าในส่วนของราคานั้นให้หักจากเม็ดยาที่เธอได้ให้เขาและหวังเฉินกินตอนที่อยู่ที่บ้าน ท่านหวังคงไม่คิดว่ามันฟรีหรอกนะ เพราะเขาก็ร่ำรวยมหาศาลจนน่าอับอายผู้คนซะขนาดนี้แล้ว ท่านหวังหัวเราะชอบใจและตอบตกลง เพราะถึงอย่างไร ตอนนี้เด็กสาวก็ได้ทำตามสัญญาที่เธอได้ช่วยเหลือจ้าวหงอวี้เอาไว้ได้แล้ว ในส่วนของรางวัลนั้นย่อมมีแน่นอน เขาได้คิดเอาไว้เรียบร้อยแล้วเพียงแต่ยังไม่ได้บอกเธอเท่านั้น มาตอนนี้ยังให้เธอทำภารกิจต่อเนื่องคือ ช่วยรักษาคนที่ตระกูลจ้าวอีก เมื่อทุกคนพร้อมขบวนรถของพวกเขาก็ มุ่งหน้าไปปักกิ่งทันที เมื่อถึงปักกิ่งพวกเขาทั้งหมดเข้าพักที่คฤหาสน์อีกหลังของนายท่านหวังซึ่งใหญ่โตกว่าที่เมืองเฟิงหลายเท่า ที่นี้มีทั้งสนามขี้ม้า สนามยิงปืน และถึงขนาดมีทะเลสาบในบ้านเลยทีเดียว จางหมี่หันไปมองหน้าท่านหวังและบ่นเบาๆ แต่เขาได้ยินชัดเจนทีเดียวว่า รวยจนน่าเกลียดจริง ๆ “ ฮาฮาฮา ถ้านังหนูไปที่ตระกูลจ้าวก็อย่าลืมพูดแบบนี้กับจ้าวเหล่ยละ เพราะตระกูลจ้าวก็รวยแบบนี้เหมือนกัน ดีไม่ดีอาจจะใหญ่โตกว่าของลุงอีกนะ ฮาฮาฮา” ท่านหวังพูดพร้อมหัวเราะเสียงดัง อยู่กับเจ้าเด็กน้อยคนนี้ไม่เพียงแต่หน้าของเขาจะเด็กลง อารมณ์ของเขาก็ดีมากด้วยมันทำให้เขารู้สึกเด็กลงจริงๆ เขาพอใจแบบนี้มาก “ ว่าแต่ลุงหวังจะให้ฉันเข้าไปดูที่ตระกูลจ้าววันไหนคะ เพราะว่าฉันจะให้แม่กับป้าถงลุงเจียงและซินซินไป ช็อปปิ้งรอ พอเสร็จธุระที่ตระกูลจ้าวฉันจะไปสมทบพวกแม่ และจะได้นัดพี่หมอหยางชิงโม่มาทานอาหารด้วยกันสักหน่อย ไหนๆ ก็มาปักกิ่งแล้ว” จางหมี่บอกแผนการของเธอให้ท่านหวังทราบ “ เอาเป็นวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน เพราะตอนนี้หงอวี้กำลังให้คนตามหาทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับจ้าวหรงฮวาให้มาที่บ้าน เราจะได้จัดการครั้งเดียวเลย” หวังเทียนซานบอกออกไป เพราะจ้าวหงอวี้ที่ตอนนี้หายสนิทก็กลับเข้าบ้านและจัดการเรื่องในบ้านต่อทันที เพราะที่ตระกูลจ้าวไม่ได้มีเพียงพวกเธอเท่านั้นยังมีน้องชายคนโตจ้าวซีห่าวที่อาจจะเรียกว่าป่วยอยู่?? ส่วนพี่ชายคนเล็กของเธอจ้าวป่อเหวินนั้นย้ายไปอยู่ต่างประเทศหลายปีแล้ว นานๆ จะกลับมาที เขาไม่น่าจะได้ติดต่อกับจ้าวหรงอว่าเท่าไหร่นัก ตระกูลจ้าวนั้นคนไม่เยอะมากนักไม่เหมือนตระกูลใหญ่ทั่วไป จ้าวเหล่ยนั้นมีภรรยาเพียงคนเดียวและจ้าวเม่ย นางคลอดลูกให้เขา 4 คนคือ คุณหนูใหญ่จ้าวหงอวี้ คุณหนอรองจ้าวจิ่นซิ่น คุณชายใหญ่จ้าวซีห่าว คุณเล็กจ้าวป๋อเหวิน และลูกบุญธรรมจ้าวหรงฮวา (ที่ไม่อยู่แล้ว) คุณชายใหญ่ที่อาจจะเรียกว่าป่วยนั้นเพราะเมื่อหลายปีก่อนเขาถูกแก๊งค้ามนุษย์เซียวจ้านจับตัวไปเรียกค่าไถ่และเขาหนีออกมาได้ และจากเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก กว่าครอบครัวของเขาจะตามหาเขาพบที่โรงพยาบาล ปรากฏว่าคุณชายใหญ่จ้าวนั้นได้สูญเสียความทรงจำไปแล้ว เขาไม่สามารถที่จะจำใครในบ้านได้เลย และจากการสูญเสียความทรงจำนั้นทำให้บุคลิกของคุณชายใหญ่เปลี่ยนไปด้วย เพราะก่อนที่เขาจะถูกจับตัวไป ตัวเขานั้นเป็นคนสดใสร่าเริง และสนใจญาติพี่น้องมาก เขาชอบพูดชอบคุยกับพี่น้องที่สุดและเขามักจะอ้อนพ่อและแม่ของเขาตลอด และเขากับไม่ชอบการทำธุรกิจด้วย เขามักจะหลีกเลี่ยงเสมอเมื่อพ่อของเขาจะให้เขาเข้าบริหารกิจการของตระกูลต่อจากจ้าวเหล่ย เขามักบอกว่าเขายังเด็กอยู่ยังไม่พร้อมรับภาระหนักของครอบครัวนั้น จะมีก็เพียงจ้างหงอวี้ที่เริ่มเข้าไปทำงานที่บริษัทของครอบครัว แต่อย่างที่ทราบเธอเข้าไปทำงานไม่นานก็ป่วยหนัก เพราะจ้าวจิ้นซิ่ว ทำให้งานทั้งหมดของตระกูล ต้องกลับมาอยู่ในความดูแลของจ้าวเหล่ยอีกครั้งและเขาก็พยายามให้ลูกชายรับช่วงต่อจากเขามาตลอด แต่หลังจากสูญเสียความทรงจำไป เขากลับกลายเป็นคนเคร่งขรึม ชอบเก็บตัวและตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขามักจะชอบฝึกฝนดาบและกระบี่เสมอ และเขามีความสนใจเป็นพิเศษคือเขาชอบสะสมหยกหายากนั้นเอง ตอนนี้ในตระกูลจ้าวนั้นมีคลังที่เก็บหินหยกขนาดใหญ่เลยก็ว่าได้ และอีกอย่างที่เขาชอบต่างจากจ้างซีห่าวคนเก่าก็คือ เขาชอบไว้ผมยาว เมื่อจ้าวซีห่าวมีเวลาว่าเขาก็จะเขาไปคลุกอยู่ที่คลังเก็บหยกของเขาทั้งวัน เขาไม่สนใจที่จะแต่งงานด้วยซ้ำทั้งที่ตอนนี้เขาอายุ 28 ปีเข้าไปแล้ว ถึงแม้เขาจะไม่ชอบการธุรกิจแต่เมื่อเป็นความรับผิดชอบต่อครอบครัวเขาก็ยังต้องเป็นผู้สืบทอดธุรกิจของครอบครัวต่อจากพ่อของเขาเจ้าเหล่ยอยู่ดีในที่สุดเขาก็เข้ารับช่วงต่อจากพ่อของเขา และที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจคือ เขานั้นทำมันได้ดีมากทีเดียว ที่ตระกูลจ้าวมีฐานะมั่งคังร่ำรวยขนาดนี้ส่วนหนึ่งมาจากการบริหารของจ้าวซีห่าว ที่ต่อยอดจากที่พ่อของเขาทำเอาไว้แล้ว เรียกได้ว่าไม่ว่าจ้าวซีห่าวจะลงมือแตะต้องธุรกิจด้านไหนมันจะทำเงินมหาศาลให้พวกเขาทันที พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจ้าวซีห่าวทำได้อย่างไรเหมือนกัน นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมน้องชายของเขา จ้าวป๋อเหวินที่ชื่นชอบทางด้านวิชาการสามารถที่จะไปอยู่ต่างประเทศและวิเคราะห์วิจัยอะไรต่างๆ ที่เขาชอบโดยไม่ต้องกังวลเรื่องของตระกูลจ้าว เพราะมีพี่ใหญ่อยู่นั้นเอง ส่วนเขาที่เป็นน้องชายคนเล็กของบ้านทุกคนก็ย่อมตามใจเขาอยู่แล้ว เขาจึงใช้ชีวิตที่ต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ และนานๆ ครั้งถึงจะกลับมาเยี่ยมบ้าน นายท่านหวังเล่าเรื่องราวของคนตระกูลจ้าวให้เธอฟังคราวๆ แบบนี้่ ไม่แน่ว่าจางหมี่อาจจะมีวิธีรักษาโรคความจำเสื่อมของคุณชายใหญ่ของตระกูลจ้าวก็เป็นได้ เช้าวันต่อมารถโรส-รอยซ์คันหรูของนายท่านหวังเทียนซานก็ได้เลี้ยวเข้ามาในลานจอดรถอันใหญ่โตของตระกูลจ้าว เมื่อรถจอดสนิทจางหมี่ก็ก้าวลงจากรถทันที เธอเงยหน้ามองอณาจักรของตระกูลจ้าว และคิดว่าเป็นอย่างที่ท่านหวังพูดเอาไว้จริงๆ คนพวกนี้รวยจนน่าเกลียด มิน่าเล่าทำไมจ้าวหรงฮวาถึงอยากจะเป็นคุณหนูใหญ่แต่เพียงผู้เดียว เพราะพวกเขารวยมหาศาลขนาดนี้นี่เอง ขณะที่เธอกำลังมองไปรอบๆ อณาจักรของตระกูลจ้าวก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อของเธอ “น้องจางหมี่มาแล้วรึ เข้ามา เข้ามาในบ้านก่อนเลยจ้ะ พี่กำลังรออยู่ และคุณพ่อ คุณแม่ก็อยากเจอน้องมากเลยเข้ามา ๆ ท่านหวังด้วยนะคะ เชิญๆ ค่ะ” จ้าวหงอวี้เมื่อได้ยินเสียงรถก็รีบวิ่งออกมาต้อนรับทันที แน่นอนว่าเธอจะต้องมาเอง เพราะจางหมี่คือใคร เธอคือคนที่ช่วยชีวิตของเธอเอาไว้ จ้าวหงอวี้รู้สึกติดหนี้บุญคุณของจางหมี่มาก ถึงแม้ว่าจางหมี่ทำเพื่อค่าจ้าง แต่ว่ามีใครทำฟรีบ้างละ เธอไปหาหมอมาทุกที่ ทุกคนล้วนต้องจ่ายด้วยค่าจ้างมหาศาลแต่สุดท้ายก็ไม่มีใครที่สามารถที่จะรักษาเธอได้สักคน แต่จางหมี่ทำได้ และตอนนี้เธอยังมาช่วยเหลือคนที่ตระกูลจ้าวอีก จะไม่ให้เธอรีบวิ่งมาต้อนรับได้อย่างไร “ สวัสดีค่ะพี่หงอวี้ บ้านพี่ใหญ่จังเลยนะคะ นี้ถ้ามาคนเดียวมีสิทธิหลงทางได้เลยนะ” จางหมี่ทักทายเธออย่างเป็นกันเองและเดินตามแรงจูงมือที่จ้าวหงอวี้กำลังจูงมือเธอเข้าไปในบ้านและเลยไปที่สวนที่เป็นสถานที่ที่จ้าวหงอวี้ทำเป็นงานเลี้ยงเล็กๆ สำหรับญาติและเพื่อนสนิทและลูกน้องที่บริษัท ( ที่ติดต่อกับจ้าวหรงฮวา ) ตอนนี้ทุกคน ยกเว้นคุณชายใหญ่ กำลังทานของว่างกันและดื่มกินกันอยู่ที่สวน บรรยายกาศนั้นเหมือนปาร์ตี้เล็กๆ ไม่เหมือนบรรยากาศการให้มารับการรักษาแต่อย่างใดซึ่งจางหมี่นั้นทึ่งในการจัดการของจ้าวหงอวี้มาก เพราะเธอเห็นด้วยที่ทำแบบนี้ จ้าวหงอวี้เดินเข้ามากระซิบกับจางหมี่ว่าเธอไม่ได้บอกคนอื่นๆ นอกจากพ่อและแม่ว่าจ้าวหรงฮวาทำอะไรลงไปบ้างเธอเพียงบอกให้พวกเขามาปาร์ตี้เล็กๆ ที่นี้เพื่อจะบอกข่าวดีว่าเธอหายป่วยแล้วเท่านั้นเอง ซึ่งจางหมี่ก็เห็นด้วยที่จ้าวหงอวี้ทำแบบนี้ เพราะไม่ใช่ทุกคนจะรับได้ที่รู้ว่าในโลกนี้มีแมลงที่สามารถกินวิญญาณของคนและสามารถควบคุณคนได้ ส่วนจ้าวจิ้นซิ่วนั้นพวกเขาได้บอกว่าเธอป่วยหนัก จำเป็นต้องไปรักษาที่ต่างประเทศไม่มีกำหนดที่จะกลับมา ทุกคนก็เข้าใจ เพราะพวกเขารวยมากเจ็บป่วยเล็กน้อยก็ต้องไปรักษาที่ต่างประเทศอยู่แล้ว ส่วนคนที่ยังไม่มานั้นมีเพียงจ้าวซีห่าวที่ติดธุระสำคัญและเขาจะตามมาทีหลังซึ่งก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะเธอสามารถฝากยาเอาไว้ให้เขาได้ เมื่อพวกเธอเดินเข้าไปในบ้านทุกคนก็เอ่ยต้อนรับเพราะพวกเขารู้จักท่านหวังเทียนซานดี เมื่อเขาแนะนำว่าจางหมี่เป็นหลานสาวยิ่งไม่มีปัญหา เธอเดินเข้าไปกล่าวทักทายจ้าวเหล่ยและคุณนายจ้าวเม่ยจากนั้นก็นั่งลงข้างจ้าวหงอวี้ เมื่อถึงเวลาจางหมี่ก็หลับตาและเปลี่ยนการมองของเธอให้กลายเป็นการใช้ตาทิพย์ เธอมองไปที่ละคนจนครบทุกคน แน่นอนว่ามีหลายคนที่ได้รับพิษจากแมลงหนอนกู่เข้าไป มันไม่ใช่การเข้าไปในร่างกายเหมือนมีตัวหนอน แต่ว่าพิษของมันจะกระจายไปตามผิวหนัง และเมื่อนานเข้าก็จะลามและกลายเป็นโรคเรื้อรังรักษาไม่หายและกลายเป็นสาเหตุของโรคอื่นๆ ตามมา และที่เห็นได้ชัดก็คือ จะแก่ก่อนวัยมาก คนที่เธอเห็นและมีอาการหนักกว่าคนอื่นคือ ท่านจ้าวเหล่ยและคุณนายจ้าวเม่ย แน่นอนอยู่แล้วเพราะพวกเขาอยู่ใกล้จ้าวหรงฮวามากที่สุด เมื่อจางหมี่เห็นแล้ว เธอก็กระซิบบอกให้จ้าวหงอวี้นำน้ำทิพย์ผสมสมุนไพรที่เธอเตรียมเอาไว้แล้วใส่แก้วน้ำดื่มและให้เธอเดินเอาไปให้ที่ละคน ทั้งหมด 6 แก้วด้วยกันซึ่งเมื่อพวกเขาดื่มไปไม่นานจางหมี่ก็ใช่ตาทิพย์มองดูอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่ามันยาของเธอสามารถกำจัดพิษหนอนกู่ออกไปหมดแล้วหรือไม่ เธอไม่อยากจะมาทำงานซ้ำซ้อน เมื่อเรียบร้อยแล้วเธอก็เดินมาหาจ้าวหงอวี้และบอกว่ามีธุระจะต้องขอตัวกลับก่อน ในขณะที่เธอกำลังคุยอยู่กับจ้าวหงอวี้นั้น ก็มีเสียงเรียกเบาๆ ด้านหลัง จางหมี่ค่อยๆ หันหลังกลับไปมองตามเสียงเรียกนั้น “ จางหมี่เป็นเจ้ารึ” *****ใครอีกละเนี้ย หรือจะเรือ??? 5555 **** ***ไรท์ ได้รีไรท์ช่วงแรกของนิยาย ให้เนื้อเรื่องเข้มข้นมากขึ้นกลับไปอ่านได้นะคะ จะได้ทราบว่าทำไมเขาคนนี้ถึงได้มา.5555 *** ตอนนี้ นิยายจางหมี่สาวน้อยผู้มีตาทิพย์มี ของขัวญ แล้วนะคะ รีดที่รักท่านไหนอยากจะเป็นคนแรกที่ให้ ของขัวญ น้องก็เชิญกดส่งได้เลยนะคะ จะได้เป็นกำลังใจให้ไรท์และน้องจางด้วย ขอบคุณมากค่ะ