จางหมี่สาวน้อยผู้มีตาทิพย์ เล่ม.5

“ตั้งค่ายกล” เสียงของหนึ่งในตาแก่เหล่านั้นดังขึ้นมา ตอนนี้พวกเขาเจอกับตอเหล็กเข้าแล้วพวกผู้อาวุโสที่มาด้วยรีบเร่งพลังเพื่อเริ่มสร้างค่ายกลของสำนักเพื่อป้องกันพวกทันที พวกเขาเร่งพลังไปที่กระบี่ในมือแล้วส่งพลังไปที่ปลายให้ทำให้เกิดตาข่ายดาบขนาดใหญ่คลุมพวกเขาเอาไว้ ในขณะเดียวกันก็มีปราณกระบี่นับพันเล่มที่ตอนนี้กำลังพุ่งไปที่จางหมี่ พร้อมจิตสังหารของกระบี่รุนแรงมาก จางหมี่ตอนนี้ในมือถือดาบอีเทียนอยู่ เด็กสาวส่งพลังปราณเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับผิวหนังของเธอให้ไม่ว่าศาสตราวุธใดก็ไม่สามารถที่จะสร้างรอยแผลให้เธอได้ และส่งปราณเพิ่มความคมไปที่ดาบอีเทียนมากขึ้น ด้วยตัวดาบมีพลังโจมตีที่รุนแรง สามารถตัดผ่านวัตถุต่างๆ ได้อย่างง่ายดายอยู่แล้วตอนนี้ยิ่งมีพลังเพิ่มเข้ามา จางหมี่ยกดาบอีเทียนในมือขึ้นมาและก่อนที่ฝนกระบี่เหล่านั้นจะมาถึงเธอเด็กสาวก็พุ่งเข้าหาพวกมันทันที เธอต้องการที่จะจบการต่อนี้โดยเร็วแล้วรีบกลับไปเปลี่ยนเสื้อ ดาบอีเทียนที่มีใบดาบบาง ปลายแหลม เหมาะสำหรับการโจมตีแบบฉับไว รวดเร็ว พลังโจมตีรุนแรงดังนั้นเมื่อมาอยู่ในมือของจางหมี่ทีมีพลังความแข็งแกร่งมากจึงเมื่อกับราชสีห์ที่อยู่ในดงของลูกแกะ ดาบอีเทียนตวัดผ่านไปที่ใดกระบี่ที่พุ่งมาเหมือนกับเป็นเพียงกระดาษแผ่นบางที่ตัดได้อย่างสบาย จางหมี่จัดการกับปราณกระบี่เหล่านั้นเพียงไม่ถึง 5 นาที และเพราะพวกผู้ฝึกตนทุกคนไม่เว้นแม้แต่ผู้อาวุโสทั้ง 5 ต่างก็ได้รับบาดเจ็บที่มือและตอนนี้แม้พวกเขาจะพยายามแค่ไหนก็ไม่สามารถถึงกระบี่เล่มนั้นที่ปักอยู่ในมือออกมาได้ กระบี่มันเหนี่ยวเป็นกาวตราช้างเกาะติดกับมือของพวกเขาอยู่ ดังนั้นเมื่อมีความเจ็บปวด พลังปราณที่ส่งกระบี่มาและไหนจะแบ่งไปสร้างค่ายกลก็เบาบางลงทันที พวกเขามองไปที่เด็กปีศาจที่ตัดปราณกระบี่ที่พวกเขาสร้างด้วยความยากลำบากราวกับเป็นเต้าหู้เป็นกระดาษอย่างไรอย่างนั้น พวกเขามองไปที่กระบี่ปราณที่ไม่สามารถแม้แต่จะระคายผิวของเด็กบ้านั้น ตอนนี้พวกเขากังวลมากขึ้นแล้ว อาวุโสทั้ง 5 พวกเขามองหน้ากันพลางคิดว่าจะทำอย่างไรดี ถ้าสู้ต่อไปแบบนี้มีแต่ตายกับตายแน่เพราะเด็กนี้ต้องไม่ปล่อยพวกเขาแน่เพราะที่พวกเขามาก็เพื่อสังหารมัน เด็กนี้คงไม่ใจดีปล่อยพวกเขาไปแน่นอน ทันใดนั้นค่ายกลที่พวกเขาสร้างด้วยความยากลำบากก็แตกออกทีละน้อย จางหมี่เมื่อเคลียร์ปราณกระบี่ที่พวกเขาส่งไปทำร้ายเธอได้หมดแล้ว และตอนนี้เธอเดินมาถึงพวกเขาบางคนแล้ว และเท่าที่ผู้อาวุโสมองอยู่ตอนนี้เด็กบ้านั้นกำลังทั้งเตะและต่อยลูกศิษย์ของพวกเขาอยู่ ลูกศิษย์ของสำนักกระบี่แม้จะมีความสามารถมากกว่าคนปรกติ แต่สำหรับจางหมี่แล้วพวกเขายังอ่อนหัดมาก หลายคนเมื่อโดนเท้าเตะไปหลายครั้งแม้จะพยายามจะสู้แล้วแต่ก็ทำไม่ได้ เพียงไม่นานพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะลอยอยู่ในอากาศได้อีกต่อไป พวกเขาหลายคนร่วงลงไปกระแทกพื้นแขนขาหักหลายท่อน บนอากาศตอนนี้เหลือเพียงเหล่าอาวุโสที่ยังลอยอยู่ได้ พวกเขามองหน้ากันและกัดฟันสู้กลับอีกที พวกเขายกกระบี่แล้วพุ่งเข้าหาร่างเด็กสาวที่ยืนรออยู่อย่างสบายๆ หลังจากเขี่ยลูกกระจ๊อกของพวกเขาให้ร่วงลงไปเป็นคนสุดท้าย เมื่อร่างทั้ง 5 ของผู้อาวุโสพุ่งมาถึง จางหมี่ตีลังกาหมุนตัวและยกดาบเทียนอีขึ้นมารับกระบี่ของพวกเขา และเพียงกระบี่ของพวกเขากระทบเข้ากับดาบอีเทียนของเธอ กระบี่ก็ขาดออกราวกับเนยโดนตัดอย่างไรอย่างนั้น และร่างของอาวุโสทั้ง 5 ยังโดนเด็กสาวทั้งเตะและฟันศอก จระเข้ฟาดหาง ศาสตร์การต่อสู้แบบมวยไทยมาครบองค์ แม้แต่หนุมานถวายแหวน ร่างทั้ง 4 ปลิวลอยละลิ้วลงกระแทกพื้นอย่างแรง และพวกเขากระอักเลือดออกมาคนละครั้งสองครั้ง เหลือที่ลอยอยู่ในอากาศตอนนี้ที่สามารถหลบการโจมตีของเธอได้เพียงคนเดียว จางหมี่ลอยลงมาบนพื้น และยืนมองพวกที่ร่วงลงมาหลายคน เธอบอกให้เจ้าเล็กคาบไปกองเอาไว้ข้างๆ ก่อน เด็กสาวมีความคิดบางอย่างที่จะทำกับผู้ฝึกตนเหล่านี้ “ในฐานะที่พวกแกมีความสามารถอยู่บ้าง ฉันจะให้โอกาสรอดสุดท้ายกับพวกแก่ จงยอมจำนนต่อฉัน และมาเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยให้กับร้านของฉันซะ แล้วฉันจะยกโทษให้กับความผิดที่พวกแกที่ยิงฉัน!” ผู้อาวุโส 6 ที่ยังเหลืออยู่เพียงลำพังหัวเราะเยาะ “เก็บลิ้นที่เจ้าพูดไว้กินข้าวเถอะเจ้าเด็กปีศาจ ศึกยังไม่จบนี้คิดว่าตัวเองชนะแล้วรึ!” จางหมี่หันไปมองตามเสียงที่ ใช่ศึกยังไม่จบจริงๆ เขายังลอยอยู่ในอากาศได้อยู่เลยนี่ไง ทันใดนั้นเจ้าเล็กก็ลอยมาหาเธอหลังจากที่มันคาบพวกที่บาดเจ็บไปกองเอาไว้แล้ว “ง่างี้ใช้อันนี้สิ” ในปากที่เจ้าเล็กคาบมาให้เธอคือ คันธนูและลูกศรเหล็กนั้นเอง จางหมี่หันไปมองมันแล้วเข้าใจความหมาย มันต้องการให้เธอสอยตาแก่ที่ลอยอยู่ในอากาศนั้นเอง เด็กสาวยิ้มพลางชมมันว่าฉลาดมาก จากนั้นลูกศรเหล็กก็ถูกยิงออกไป ฟ้าว! ลูกศรสีขาวแหวกอากาศออกไปเป็นเหมือนลำแสงสีขาวสายหนึ่ง เสียบใส่ร่างกายที่ลอยอยู่ในอากาศของผู้อาวุโส 6 ที่ลอยอยู่เพียงลำพังประหนึ่งเป้าบินที่ง่ายดายต่อการยิงสำหรับเด็กสาว ผู้ฝึกตนที่โดนยิงเข้าที่ท้องส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดและร่วงลงมาราวกับใบไม้ “อ๊ากกก…” จูเป่ยชงผู้อาวุโส 6 ที่ปากดีกว่าคนอื่นโดนเด็กสาวสอยร่วงลงมา รู้สึกเจ็บปวดจากบาดแผลที่ถูกลูกศร เขาคือผู้อาวุโสลำดับที่6 ของสำนักกระบี่เทียนซานเจี้ยนจง ในกลุ่มที่มาด้วยกันเขาเป็นคนที่มีพลังมากกว่าคนอื่นๆ และก็เป็นเขาที่ใช้พลังเพื่อบดบังจิตสังหารตอนที่สไนเปอร์ยิงกระสุนใส่เด็กสาว ตอนนี้เมื่อโดนเด็กปีศาจคนนี้สอยร่วงราวกับใบไม้ เขารู้สึกโกรธเพราะไม่มีใครเคยทำให้เขาต้องบาดเจ็บและอับอายขนาดนี้มาก่อน เด็กสาวคนนี้เพียงคนเดียวแต่สามารถจะทำให้พวกเขาทั้ง 30 คน บาดเจ็บได้มากมายขนาดนี้ นั้นหมายถึงเด็กคนนี้ไม่ธรรมเสียแล้ว มันทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว ก่อนที่เขาจะรู้ชัดเจนว่าอะไรเป็นอะไร เขาต้องลดท่าทีของตัวเองลงและเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรยิ่งกว่าการพูดกับลูกหลานตัวเองเสียอีก “สหายน้อย สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ล้วนเป็นความเข้าใจผิด” “พวกเราได้รับการจ้างวานจากตระกูลกัวให้มาจัดการกับสหาย ความจริงพวกเราไม่ได้อยากจะทำเช่นนี้เลย” เหล่าผู้อาวุโสที่เหลือหันไปมองหน้าอาวุโส6 และแอบชื่นชมในใจ ในความฉลาดมีไหวพริบแก้ไขสถานการณ์ของอาวุโส “ปล่อยพวกเราไปเถอะเรื่องในวันนี้ให้ถือว่าเลิกแล้วต่อกัน สำนักกระบี่เทียนซานเจี้ยนจงขอประกาศว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเจ้าอีกแล้ว พวกเราจะไม่รับงานแบบนี้อีกแล้ว” เมื่อจนตรอกแล้ว เพราะพวกเขาไม่สามารถที่จะสู้เจ้าเด็กบ้าคนนี้ได้เลย ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเอาตัวให้รอดก่อนค่อยว่ากัน “มันก็ดูจะง่ายดายไปนะ ตอนที่พากันมานี้คือต้องการที่จะสังหารฉันไม่ใช่หรือ แล้วมาตอนนี้บอกให้เลิกแล้วต่อกัน เอาแบบนี้ สำนักกระบี่ของพวกแกมีสมาชิกกี่คน” ผู้อาวุโส 6 ไม่อยากจะตอบแต่เด็กสาวเดินมาและเตะเข้าอย่างแรง ช่างเป็นเด็กที่หยาบคายเสียจริง กล้าเตะแม้กระทั้งคนแก่อย่างพวกเขา “เออ 200 คน พวกเรามี 200 คน” ในที่สุดเมื่อโดนเด็กบ้านี้เตะหลายครั้งเขาก็ต้องยอมบอกออกไป “แล้วที่ตั้งละอยู่ที่ไหน เพราะว่าถ้าฉันว่าง ฉันจะไปเยี่ยมเยียนสักหน่อย และก็บอกเลยว่าอย่าโกหก เพราะว่าถ้าฉันหาเจอเองแล้วละก็....พวกแกเห็นสภาพบ้านตระกูลกัวหรือเปล่า? เห็น! พวกเขาเห็นสภาพคฤหาสน์หลังนั้นคือ เละราบเป็นหน้ากลองเลย “ไม่ ไม่ พวกเราไม่โกหกหรอก สำนักกระบี่ของพวกเราอยู่ไม่ไกลจากปักกิ่ง เด็กน้อยหาไม่อยาก” มีเสียงตอบออกมาช่วยกันบอกทางเธอหลายเสียงทีเดียว “ดี วันนี้ ฉันจะปล่อยพวกแกไปเพราะฉันรีบ และอีกไม่นานให้รอฉันที่สำนักได้เลย ถ้าใครคิดจะออกจากสำนักหรืออยากซ้อนสมบัติอะไรของตัวเองก็ให้รีบทำก่อนที่ฉันจะไปถึง” จางหมี่มีน้ำใจมาก บอกให้พวกเขาเตรียมตัวก่อนเธอจะไปเยือนด้วย “แต่ถ้าใครที่รอฉันอย่างจริงใจ ฉันจะทำเป็นลืมเรื่องในวันนี้ซะ” ชีวิตมีทางเลือกเสมอ เธอจึงให้ทางเลือกกับพวกเขา ผู้ฝึกตนทั้งหมดต่างก้มศีรษะและพากันแบกร่างของคนที่มาด้วยกันและเดินไปเรียกรถเพื่อกับสำนัก ตอนนี้พวกเขาไม่มีแม้แต่แรงที่จะลอยแล้วนะสิ และทำไมถึงได้หารถยากแบบนี้ล่ะเนี้ย พวกเขาคิด เมื่อสถานการณ์ของเธอคลี่คลายลง จางหมี่รู้สึกถึงบางอย่างที่ไม่ปรกติเพราะบริเวณโดยรอบนั้นน่าประหลาดใจที่ไม่มีรถยนต์ผ่านมาแม้แต่คันเดียว เด็กสาวยืนมองไปรอบๆ อยู่สักพักหนึ่ง ในที่สุดเธอก็ตะโกนออกมาด้วยเสียงอันดังว่า “ในเมื่อมาถึงแล้ว ก็รีบออกมาเถอะ ฉันยังมีธุระที่จะต้องไปอีกไกล” เพียงไม่นานจากที่เธอตะโกนออกไป เหมือนหมอกจางๆ ที่คลุมพวกเขาเอาไว้ตอนที่ต่อสู้จะเริ่มกระจายตัวออกไป ภายใต้แสงจันทร์มีชายชราที่มีหนวดเคราสีขาวยืนห่างออกไปกว่า 10 เมตร เขามองดูที่จางหมี่ด้วยความประหลาดใจอยู่ มีรูเล็ก ๆ มากมายบนเสื้อผ้าที่เขาใส่ถ้าจะให้พูดแบบไม่สุภาพก็คือ ชายชราคนนี้กำลังสวมผ้าขี้ริ้วอยู่นั้นเอง เด็กสาวตกใจเล็กน้อย ชายชราคนนี้ไม่ธรรมดาแน่ เพราะเธอที่ถึงแม้จะแผ่พลังปราณออกไปโดยรอบก่อนที่จะทำการต่อสู้แล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าชายชราคนนี้ได้ปรากฏตัวมองดูเธอต่อสู้ของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ ดวงตาของชายชรานั้นสว่างไสวมากในแสงจันทร์และเขาจ้องมองที่เด็กสาวอย่างเอาเป็นเอาตาย “คุณเป็นใครอีกล่ะ หรือว่าเป็นหนึ่งในแก๊งที่มานี้?” จางหมี่ถามออกไปน้ำเสียงไม่แยแส เบื่อหน่ายคนแก่เหล่านี้จริง ๆ คนยิ่งรีบๆ อยู่ ชายชราไม่ตอบ เขาเคลื่อนตัวหลบอยู่ใต้เงาในแสงจันทร์และพุ่งตรงไปที่จางหมี่ทันที เด็กสาวบีบวงการเคลื่อนไหวของตัวเองในแคบลงเธอเตรียมตัวรับการโจมตีจากชายชราคนนั้นทันที ออร่าบนร่างกายของชายชราพุ่งสูงขึ้นไปจนถึงระดับที่น่าตกใจ เขาซัดออกมา 1 ฝ่ามือ ความแข็งแกร่งของเขาเหมือนคลื่นลูกมหึมา ลมปราณของจางหมี่สูงขึ้น ความแข็งแกร่งของพลังปราณถูกปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มกำลังและกระจายตามร่างกายของเธอเหมือนเป็นเกราะสีทองห่อหุ้มร่างเธอเอาไว้ และในขณะเดียวกัน เธอก็เหวี่ยงหมัดออกไป เด็กสาวที่ถูกปกคลุมด้วยแสงสีทอง ระเบิดพลังกำปั้นออกอย่างต่อเนื่อง เข้าต่อสู้กับชายชราผู้แข็งแกร่ง ตู้ม! เสียงดังสนั่น เศษซากระเบิดถูกพัดพาหายไป คลื่นพลังที่น่ากลัวกวาดเอาทุกอย่างหายไป ร่างของเหล่าผู้ฝึกตนที่เธอกองเอาไว้ที่เพื่อนยังขนไปไม่หมด ต่างก็ถูกยกขึ้นปลิวออกไปหลายเมตร พวกเขาตกลงมากระแทกพื้นกระอักเลือดกันอีกคนละทีสองทีอีกครั้ง ถนนใต้เท้าของชายชราระเบิดขึ้น แต่ว่าคนไม่ขยับ จางหมี่ถูกแรงปะทะ ให้ถอยไปไกลกว่าสิบเมตร ใบหน้าของเด็กสาวหนักอึ้ง เธอถูกพลังสะท้อนกลับ “เจ้าอ่อนแอเกินไปเด็กน้อย ” ชายชราพูดด้วยเสียงที่ชัดเจน **** ใครมาอีกละเนี้ย ดูเหมือนว่าจะแข็งแกร่งมากด้วยนะ****