จ้าวเว่ยเว่ยสาวน้อยทะลุมิติพร้อมกระจกวิเศษ เล่มที่.3

จ้าวเว่ยเว่ยสาวน้อยทะลุมิติพร้อมกระจกวิเศษ เล่มที่.3
จ้าวเว่ยเว่ยสาวน้อยทะลุมิติพร้อมกระจกวิเศษ เล่มที่.3

ตอนนี้ทุกครอบครัวต่างก็มายืนเป็นแถวยาวตามจำนวนสมาชิกในครอบครัวที่จะมาทำงานในวันนี้ โดยมีหัวหน้าครอบครัวยืนอยู่ด้านหน้าแถว ทั้งหมู่บ้านมีด้วยกันทั้งหมด40 ครอบครัว พวกเขาต่างก็มากันหมด โดยบางครอบครัวก็แบ่งชายฉกรรจ์ไปทำงานก่อสร้างบ้านกับนายช่างใหญ่ จ้าวเว่ยเว่ยมองดูพวกเขาพลางคิดว่า 40 ครอบครัวก็ราวๆ 200-350 คน ไม่มากหากว่านางจะช่วยเหลือทั้งหมด เพราะบางบริษัทในยุคปัจจุบันยังมีพนักงานหลายพัน หลายหมื่นคนเลย ดังนั้นคนแค่ 200-300 คนแค่นี้ไม่เป็นปัญหาสำหรับนาง แต่ว่าการจะให้เฉยๆมันจะเป็นการทำให้พวกเขาเคยตัวที่จะรับเพียงอย่างเดียวหากในวันหน้านางไม่ให้พวกเขาอาจจะบอกว่านางเอาเปรียบและเห็นแก่ตัวก็เป็นได้ เช่นนั้นก็ให้พวกเขาทำงานแลกเอาก็แล้วกัน เพียงแต่ให้มากกว่าปรกติหน่อยหัวหน้าหมู่บ้านเดินมาด้านหน้าพวกเขาอีกเช่นเคย (ทำงานดีจริงๆ) “เอาหล่ะพวกเจ้าทุกคนคงจะรู้เงื่อนไขเรื่องการปลูกมันฝรั่งและมันเทศนั้นก็คือ 1 หมู่ 4 ตำลึงนั้นเอง แต่ว่าคราวนี้แม่นางจ้าวนั้นเห็นว่าพวกเจ้ามากันทั้งครอบครัวคงจะไม่มีใครที่จะทำอาหารเที่ยงให้ ดังนั้นนางจึงได้เพิ่มมื้อเที่ยงเป็นค่าจ้างให้พวกเจ้าอีก 1 มื้อ โดยมื้อเที่ยงนั้นจะมีจานเนื้อ 2 จาน ผัดผัก1 จานและน้ำแกง 1 จาน อาหารมากมายเช่นนี้ที่พวกนางเพิ่มให้ก็เพื่อให้พวกเจ้าทุกคนมีแรงกำลังและตั้งใจทำงาน ข้านั้นอยู่มาตั้งนาน ยังไม่เคยเห็นใครที่มีน้ำใจเท่านี้มาก่อนดังนั้นพวกเจ้าทุกคนจงตั้งใจทำงานให้เต็มที่ หากข้าเห็นว่ามีใครเอาเปรียบผู้อื่นหรือแอบอู้ข้าจะไม่ให้มาทำงานที่นี่อีก จำเอาไว้ แล้วก็แม่นางจ้าวยังต้องการคนช่วยทำอาหารด้วย ซึ่งตรงนี้พวกนางก็จะจ่ายให้อีกคนละ 50 อีแปะ หากบ้านไหนมีลูกสะใภ้ฝีมือดี ก็มารับงานนี้ได้ นางต้องการ 10 คน” หัวหน้าหมู่บ้านประกาศถึงเงื่อนไขและค่าแรงให้ชาวบ้านทราบเมื่อชาวบ้านรู้ว่าคราวนี้มีอาหารเที่ยงเพิ่มให้แถมยังเป็นจานเนื้อตั้งสองจานอีก พวกเขาต่างก็ดีใจและซาบซึ่งใจต่อครอบครัวของจ้างเว่ยเว่ยมาก ส่วนหัวหน้าหมู่บ้านนั้นรู้ดีว่าการที่ครอบครัวจ้าวเม่ยทำเช่นนี้เพราะต้องการช่วยเหลือชาวบ้านเลียงนั้นเอง เพราะไม่มีนายจ้างที่ไหนจะให้ของกินมากขนาดนี้หรอกในการจ้างงาน คราวนี้พลังสีทองนั้นเข้มข้นมากที่หลั่งไหลไปที่กระจกโบราณของนาง ตอนนี้มาประสานกันมาเกือบครึ่งแผนแล้ว “ต่อมาเรื่องการปลูกมันฝรั่ง พวกข้าจะสาธิตให้ดูการปลูกให้ดูก่อน เมื่อพวกเจ้ารู้วิธีแล้วก็กลับไปที่แปลงที่ตัวเองได้แบ่งไปและให้เริ่มปลูกตามนะ ต้าเจี้ยน เออหลาน ไปปลูกให้ชาวบ้านดู” หัวหน้าหมู่บ้านสั่งให้ลูกชายนำหัวมันฝรั่งออกมา โดยแผนการปลูกนั้นจ้าวเว่ยเว่ยได้แบ่งเป็นสองฝั่งคือปลูกมันเทศและอีกฝั่งปลูกมันฝรั่ง ครอบครัวที่จะปลูกมันเทศ 20 ครอบครัวก็ให้เดินตามเจียงต้าเจี้ยนไปส่วนครอบครัวที่จะปลูกมันฝรั่งก็แยกมาฝั่งอขงเจียงเออหลาน การปลูกมันฝรั่งนั้นจะใช้หัวมันฝรั่งที่ใช้จะจ้าวเว่ยเว่ยได้คัดหัวที่สมบูรณ์ที่สุดและเริ่มมีตาเล็กๆ งอกออกมาแล้ววางลงในแปลงที่ได้ผสมปุ๋ยคอกเอาไว้แล้วทำเป็นร่องตรงการตามที่จ้าวเว่ยเว่ยบอกจากนั้นก็วางหัวมันฝรั่งลงไปและกลบดินให้มิดและรดน้ำให้ชุ่ม อีกฝั่งที่เป็นมันเทศพวกเขาก็หอบเถามันที่เพาะจากหัวมันแล้ว วางลงในแปลงที่เตรียมเอาไว้แล้วเช่นนั้น ซึ่งมีหลายคนสงสัยว่าทำไมถึงไม่ใช้หัวมันในการปลูก ซึ่งจ้าวเว่ยเว่ยนั้นก็ได้บอกกับเจียงเออหลานเอาไว้แล้ว ว่าการใช้เถาสำหรับปลูกมันเทศนั้นจะให้ผลผลิตที่เยอะกว่าการใช้หัวมัน ซึ่งต่างจากมันฝรั่ง ซึ่งเจียงเออหลานก็ทำตามที่นางบอกด้วยดี แต่เพราะว่าที่ดินของนางนั้นห่างไกลจากลำธารพอสมควรจ้าวเว่ยเว่ยจึงได้ทำรางจากกระบอกไม้ไผ่ยาวและวางตามร่องของแปลง นางให้ชายฉกรรจ์ 20 กว่าคนช่วยกันขุดลอกลำธารให้ใหญ่มากขึ้น จากนั้นก็นำกังหันลมออกมาเพื่อผันน้ำมาที่รางไม้ไผ่และส่งน้ำเข้าแปลงโดยที่ไม่ต้องใช้คนไปหิ้วน้ำมารดให้เหนื่อย ซึ่งหัวหน้าหมู่บ้านเมื่อเห็นเช่นนี้ดวงตาของเขาก็วาววับเลยทีเดียว พลางมองมาที่จ้าวเว่ยเว่ยและคิดว่า เด็กน้อยคนนี้ช่างฉลาดจริงๆ แก้ปัญหาที่ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ของคนทั่วไปได้อย่างง่ายดายมาก แบบนี้เขาสามารถที่จำนำความรู้นี้มาปรับใช้ในหมู่บ้านได้เลยนะเนี้ยดีจริงๆ ขณะที่ทุกคนต่างเร่งให้การปลูกมันและสร้างบ้านกันอย่างแข็งขันนั้น เสียงกรีดร้องดังระงมไปทั่วแปลงมัน เสียงนั้นมาจากแปลงปลูกมันของครอบครัวแม่เฒ่าชุน ที่หลานๆ กำลังช่วยกันปลูกอยู่ เมื่อได้ยินเสียงร้อง ทุกคนต่างก็ทิ้งอุปกรณ์ในมือและวิ่งไปที่นั่นทันที รวมทั้งจ้าวเว่ยเว่ยและแม่ของนางด้วย เมื่อวิ่งไปถึงเห็นเจ้าหนูเฉินอี้กำลังนอนเอามือกุมข้อเท้าอยู่ส่วนรองเท้าที่เพิ่งซื้อใหม่ของเขานั้นหลุดจากเท้าไปข้างหนึ่ง เขาเอามือกุมข้อเท้าไว้แน่น ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด รอยเขี้ยวสองรอยสีดำปรากฏชัดบนข้อเท้าของเขา “เกิดอะไรขึ้นเจ้าหนู” เป็นหัวหน้าหมู่ที่ถามขึ้นมา “เฉินอี้ถูกงูพิษกัดนะหัวหน้าหมู่บ้าน” หลายเสียงตอบออกมา "งูพิษเหรอ?!" ทุกคนตกใจ รีบมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นงูอยู่ที่ไหน "ข้า...ข้าถูกงูพิษกัด!" เฉินอี้ร้องไห้สะอึกสะอื้น ชี้ไปที่รอยเขี้ยวบนข้อเท้าของเขา "งูพิษ?!" ทุกคนตกใจยิ่งขึ้นรู้ดีว่าหากเป็นงูพิษจริงหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจถึงแก่ชีวิตได้ “เจ้าเห็นลักษณะของงูหรือไม่?” “เห็น ข้าเห็นเป็นงูสีดำแดง ตัวไม่ยาวนัก” เฉินอี้ที่ยังพอมีสติตอบออกมา “ถึงกับเป็นงูพิษแดงพ่ายเชียวหรือ แถวนี้มีงูพิษชนิดนี้อยู่บ้างแต่ไม่ขึ้นว่าเจ้าเด็กน้อยเฉินอี้จะโชคร้ายเช่นนี้” ผู้เฒ่าหลายคนที่เดินมาต่างก็รู้จักงูชนิดนี้ดี "หัวหน้าหมู่บ้าน รีบไปหาหมอเถอะ เจ้าคะ ท่านหัวหน้าหมู่บ้านช่วยหลานชายของข้าด้วย ฮือออ!" แม่เฒ่าชุนที่ถูกชาวบ้านพยุงเดินมาหาหลานชายที่นอนอยู่กับพื้น ร้องเรียกหาหัวหน้าหมู่บ้านให้ช่วยหลานชายของนาง ชาวบ้านที่เดินมาดูอาการของเฉินอี้ เห็นว่าตอนนี้หน้าของเขาขาวซีดและปากก็เริ่มจะคล้ำแล้วด้วยความแรงของพิษงูที่กระจายไป พวกเขาต่างก็รีบบอกให้หัวหน้าหมู่บ้านพาไปหาหมอ “ถ้าเฉินอี้เกิดเรื่องขึ้นมาจริงทั้งตระกูลของพวกเขาจะทำอย่างไร ตอนนี้ก็เป็นเขาที่ทำงานได้คนเดียว” เสียงชาวบ้านต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันไป "แต่หมออยู่ไกลอีกหมู่บ้านหนึ่งเลย หมู่บ้านเราไม่มีหมอประจำ ข้า… ข้าเกรงว่า" หัวหน้าหมู่บ้านพูดขึ้นมาเบา พลางมองไปที่เด็กน้อยที่น่าสงสารเขากลัวว่าจะไปไม่ทันนะสิ ในขณะที่ทุกคนต่างก็คิดเหมือนกันว่าวันนี้เจ้าหนูเฉินอี้นั้นคงไม่แคล้วที่จะเสียชีวิตจากพิษงูแล้ว เสียงสดใสก็ดังขึ้นด้านหลังพวกเขา “ข้าสามารถช่วยได้ รีบพยุงเข้าไปที่ร่มไม้ต้นนั้นเถอะ!" จ้าวเว่ยเว่ย ที่วิ่งตามทุกคนมาและได้ยินทุกอย่างที่พวกเขาพูด หัวหน้าหมู่บ้านรีบหันมามองเห็นว่าเป็นจ้าวเว่ยเว่ยก็ทำสีหน้าสงสัยมาก จ้าวเว่ยเว่ยนั้นไม่อยากจะเสียเวลาเพราะตอนนี้ดูเหมือนเจ้าหนูนั้นจะแย่แล้วแสดงว่าพิษงูชนิดนี้ร้ายกาจไม่เบาจึงรีบขึ้นมา "ข้าพอจะรู้วิธีรักษาพิษงูชนิดนี้ ข้าจะช่วยรักษาเฉินอี้เอง" จ้าวเว่ยเว่ยพูดขึ้นมา ทุกคนต่างมองจ้าวเว่ยเว่ยด้วยความสงสัย ไม่เคยมีใครรู้มาก่อนว่านางมีวิชาแพทย์ แต่ตอนนี้ ชีวิตของเฉินอี้ก็แขวนอยู่บนเส้นด้ายเช่นกัน จ้าวเว่ยเว่ยสาวเท้าก้าวใหญ่ไปตรวจดูอาการของเฉินอี้อย่างเร่งด่วน เมื่อไปถึงนางก็ต้องตกใจกับภาพที่เห็น เฉินอี้นอนเอามือกุมบริเวณที่ถูกงูกัด ข้อเท้าและน่องของเขาบวมเป่งเกือบเท่ากับต้นขา และอาการบวมเริ่มลามไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย จ้าวเว่ยเว่ยรู้ดีว่านี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดานางตรวจดูบาดแผลของเฉินอี้อย่างละเอียด และพบรอยเขี้ยวสองรอย งูแดงพ่าย เป็นงูที่มีพิษร้ายแรงมาก พิษของมันสามารถทำลายระบบประสาทของเหยื่อได้อย่างรวดเร็ว หลังจากถูกกัด หากรักษาไม่ทันเหยื่อจะเสียชีวิตภายใน5ถึง10สองชั่วยามดังนั้นยิ่งจัดการกับพิษได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งดี หากไม่รีบรักษาทันที ถึงแม้ภายหลังจะรักษาได้ทัน ก็จะไม่สามารถกำจัดพิษงูไม่หมด ร่างกายจะแก่เร็ว ผมและฟันจะร่วงเร็วขึ้น หลายคนเป็นอัมพาตและเดินไม่ได้ตลอดชีวิต “รีบถอนพิษให้เขาห้ามยืดเยื้อจะดีที่สุดถ้าปล่อยไว้นานเกรงว่าเขาคงจะทนไม่ถึงท้ายหมู่บ้านเราด้วยซ้ำ หรือต่อให้จะอดทนถึงที่นั่นวันข้างหน้าก็อาจจะเป็นอัมพาตอยู่ดี” คำพูดของจ้าวเว่ยเว่ยนั้นเป็นจริงเพราะชาวบ้านที่นี่นั้นทราบดีถึงพิษที่ร้ายกาจของงูชนิดนี้ดี “งั้นเจ้ารีบจัดการเถอะเด็กน้อย ข้าว่าเจ้าเฉินอี้จะไม่ไหวแล้ว” หัวหน้าหมู่บ้านเป็นคนตัดสินใจในครั้งนี้ จ้าวเว่ยเว่ยจึงรีบทำความสะอาดบาดแผลของเฉินอี้ และเปิดถุงผ้าลดโลกร้อนของนางที่ถือมาด้วยทันที ความจริงนางอยากจะฉีดเซรุ่มให้เลยเพราะพิษร้ายแต่ไหนเซรุ่มก็เอาอยู่ แต่ว่าแบบนั้นก็จะทำให้ชาวบ้านเกิดความสงสัยได้ เมื่อทำความสะอาดเสร็จนางดึงเข็มเงินออกมาและฝังลงไปรอบปากแผลเพื่อเป็นการสกัดพิษงู จากนั้นก็ใช้มีดเล็กกรีดปากแผลออกเล็กน้อยแล้วค่อยๆ บีบเลือดพิษนั้นออก เมื่อเห็นว่าเลือดออกเยอะพอสมควรแล้วนางทำความสะอาดแผลอีกครั้งและ นางบดยาสมุนไพรแก้พิษจนเละ แล้วเอาไปประกบตรงแผลเฉินอี้ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดจ้าวเว่ยเว่ยหันไปปลอบโยนเขาให้อดทนอีกไม่นานก็ไม่หายแล้ว จากนั้นนางก็หันมาคุ้ยถุงผ้าอีกครั้งและนำเข็มที่มีเซรุ่มแก้พิษงูบรรจุอยู่และกดเข็มยาฉีดลงไปบริเวณใกล้กับปากแผล การฉีดเซรุ่มแก้พิษงู เป็นวิธีการรักษาที่สำคัญเมื่อถูกงูกัดโดยเฉพาะงูพิษร้ายกาจฉีดเซรุ่มที่ถูกต้องและรวดเร็วจะช่วยลดโอกาสเสียชีวิต และบรรเทาอาการจากพิษงูได้ และการฉีดเซรุ่มเข้าที่กล้ามเนื้อบริเวณที่ถูกงูกัดโดยตรง วิธีนี้จะช่วยให้เซรุ่มออกฤทธิ์ได้รวดเร็ว และตรงจุดมากที่สุด “เอออ แม่นางจ้าวเว่ยเว่ยเจ้า ๆ ทำอะไรนะเจ้าแทงอะไรเข้าไป?” หัวหน้าหมู่บ้านเห็นว่านางหยิบเข็มขึ้นมาและมีน้ำยาอะไรสักอย่างสีขาวใส่ในหลอดนั้นด้วยจึงได้เอ่ยถามด้วยความสงสัย “นี้เรียกว่าเข็มฉีดยาเจ้าค่ะ ข้าใช้เข็มนี่ที่มียาแก้พิษนี้ฉีดให้เก็บเฉินอี้ คุณชายถงเป็นคนให้มาเพราะว่าเข็มนี้จะเป็นอุปกรณ์การแพทย์ชนิดใหม่ที่ท่านโรงหมอถงจะนำมาใช้เร็วๆ นี้ ข้าเลยได้เรียนรู้วิชาแพทย์เหล่านี้จากเขาเจ้าค่ะ ส่วนยาที่ได้มาก็หลายชนิดอยู่เจ้าค่ะ ดีที่มียาแก้พิษงูพอดี” นางแถจนสีข้างนางถลอกปอกเปิกหมดแล้ว!!! 555 เวลาผ่านไปนานพอสมควร รอยเขี้ยวบนข้อเท้าของเฉินอี้เริ่มลดอาการบวมจางลง อาการปวดก็เริ่มทุเลาลง เฉินอี้หยุดร้องไห้ มองดูจ้าวเว่ยเว่ยด้วยความทึ่งและขอบคุณ "นาง...นางมีวิชาแพทย์จริงๆ ด้วย!" ชาวบ้านที่รอดูเหตุการณ์ทุกคนต่างแปลกใจ และรู้สึกทึ่งในความสามารถของจ้าวเว่ยเว่ย พลางคิดว่าหากต่อไปมีหมออยู่ที่หมู่บ้านของพวกเขาคงจะดีไม่น้อย ป่วยไข้ดึกดื่นจะได้ไม่ต้องหอบกันเข้าเมืองฟงที่อยู่ไกลนั้น จ้าวเว่ยเว่ยยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วพูดขึ้นว่า "ข้าดีใจที่ช่วยเฉินอี้ได้ ข้าอยากใช้ความรู้และวิชาที่มีช่วยเหลือผู้คนในหมู่บ้านขอเราเจ้าค่ะ" นางพูดแล้วส่งยิ้มเหมือนนางงามประกวดบนเวทีให้พวกเขา… *** เริ่มต้นการเป็นหมอที่หมู่บ้านแล้ว จากนั้นค่อยไปสอนหมอที่ใต้เท้าหวังเตรียมเอาไว้****