
จ้าวเว่ยเว่ยสาวน้อยทะลุมิติพร้อมกระจกวิเศษ เล่มที่.5

“เพล้ง!! "ข้าไม่กิน! เจ้าไปให้พ้นเดี๋ยวนะข้าไม่อยากจะเห็นหน้าเจ้า” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของคุณชายดังขึ้นเมื่อได้รับรู้ว่าคนที่กำลังป้อนอาหารป้อนน้ำเขาอยู่นั้นคือแม่นางเฟิงมิ่งจูนั้นเอง… จากนั้นก็มีเสียงที่เหมือนกับคนกำลังเก็บเศษกระเบื้องที่ถูกเขาปัดตกและมีน้ำแกงบางส่วนที่หกรดแขนของเขาเพราะว่าเขารู้สึกถึงความร้อนที่ราดรดลงมา มือซ้ายของเขากำแน่น “ยังไม่ไปให้พ้นอีก ไปสิข้าไม่อยากให้เจ้าอยู่ที่นี้ ไม่อยากอยู่ใกล้ไม่เข้าใจหรืออย่างไร?” น้ำเสียงที่ใช้ยังคงเกรี้ยวกราดเช่นเดิม เฟิงมิ่งจูเห็นแขนของเขาที่แดงจากน้ำแกงที่ลวกก็รีบน้ำผ้าเย็นมาค่อยๆ ประคองทันที หวังหย่งเล่อใช้มือซ้ายของเขาคว้าผ้ามาและขวางสุ่มสี่สุ่มห้า ผ้าผืนน้อยนั้นปลิวไปโดนที่ใบหน้าของนางพอดี เฟิงมิ่งจูค่อยๆ จับผ้าออก นางสูดหายใจเข้าปอดลึก เหมือนพยายามจะอดทนอดกลั้นเพราะว่าที่เขาเป็นเช่นนี้อาจจะเพราะว่าเขากลัวว่าตัวเองจะใช้แขนไม่ขวาไม่ได้อีกต่อไป เสียงหวานของนางยังคงดังขึ้นพยายามปลอบโยนให้หวังหย่งเล่อที่กำลังโกรธเคือง อาจจะเป็นเพราะแขนที่บาดเจ็บของเขาทำให้เขาหงุดหงิด นางจึงไม่อยากให้เขาต้องโมโหอารมณ์ไม่ดีเช่นนี้ "ท่านพี่ใจเย็นๆ หน่อยเถิดเจ้าค่ะ แขนของท่านไม่นานก็จะหาย ลูกของเราเก่งมาก ท่านพี่ต้องใจเย็นๆ นะเจ้าคะ มากินข้าวก่อนเถิด นี้ข้าทำน้ำแกงผักแบบที่ท่านชอบมาให้ ท่านพี่กินเสียหน่อยเถิดนะเจ้าค่ะ" น้ำแกงชามที่สองถูกนำมาป้อนอีกครั้ง นางพยายามใช้คำพูดที่อ่อนโยนและหาเหตุผลเพื่อปลอบโยนเขา แต่หวังหย่งเล่อนั้นดูจะไม่มีอารมณ์ฟัง เขายังคงมีสีหน้าโกรธและไม่แม้แต่จะหันมามองทางนางที่ยืนอยู่ และยังต้องการให้นางออกไปจากตรงนั้นเสียที ด้วยความโมโห เขาใช้มือข้างที่ไม่บาดเจ็บพยายามปัดช้อนที่นางยกมาแตะที่ปากของเขาออก ช้อนน้ำแกงกระเด็นออกไป น้ำแกงร้อนๆ หกเลอะเสื้อผ้าของเขาอีกครั้งเช่นกัน นางตกใจกับสิ่งที่เขาทำ น้ำตาคลอเบ้า แต่นางก็พยายามกลั้นเอาไว้ "ท่านพี่..." เสียงของนางสั่นเครือ "ท่านพี่ทำอะไรลงไป" หวังหย่งเลอพยายามหันมาตามเสียงของนาง และหลับตาลงไม่ยอมให้นางเห็นดวงตาของเขา "ข้าบอกแล้วให้เจ้าออกไปจากที่นี่!" นางกัดริมฝีปากแน่น แล้วเอ่ยออกมาว่า "ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น" นางเอ่ยเสียงเด็ดเดี่ยว "ข้าจะอยู่ที่นี่เพื่อดูแลท่านพี่" หวังหย่งเลอกำมือซ้ายที่กำลังสั่นเทาของตัวเองตัวเองแน่น เขาลืมตาอีกครั้งและจ้องไปด้านหน้าเพียงอย่างเดียว บังเอิญว่าทางที่เขาหันไปนั้นเฟิงมิ่งจูยืนอยู่พอดี นางได้โอกาสที่เขาหันมา จัดการท่องคาถาสะกดอย่างที่เคยทำอีกครั้ง เพราะว่านางเหนื่อยแล้วที่จะพูดจาอ่อนหวานกับเขานั้นเอง ในเมื่อดื้อดึงนั้น ก็จงตกลงมาในบ่วงเสน่ห์ของนางอีกครั้งเถิด เมื่อท่องคาถาเสร็จนางก็ยืนรอ เพื่อให้เสน่ห์ของนางนั้นทำงานอีกครั้ง และยิ่งครั้งนี้พลังของนางเพิ่มขึ้นมาแล้ว คาถาเสน่ห์ก็จะยิ่งรุนแรงแน่ หวังหย่งเล่อ เจ้าหนีไม่พ้นเงื้อมือของข้าไปได้หรอก!! นางแสยะยิ้มเล็กน้อยและยืนรอ เวลาผ่านไปหนึ่งจิบชา ....…… ไม่มีอะไรเกิดขึ้น หวังหย่งเล่อยังคงนิ่ง และมิหน้ำซ้ำตอนนี้เขาถึงกับหลับตาลงแล้วด้วย เฟิงมิ่งจูขยับตัวเล็กน้อยเพื่อเข้ามาใกล้เขาให้เขาได้กลิ่นของน้ำหอม ชาแนล ที่เป็นน้ำหอมประจำตัวของนางไปแล้วตอนนี้ "เจ้า..." นางก้าวเข้าไปหาเขาใกล้อีกครั้งและเอ่ยขึ้นมาว่า “เจ้าไม่รู้สึกอะไรเลยหรือ?” นางเอ่ยถามเขาเบา “ไม่รู้สึกว่าคิดถึงข้าอยากเห็นหน้ามากๆ หน่อยหรือ?” นางถามอีกครั้ง คำตอบจากหวังหย่งเล่อนั้นคือ “……” แม้ว่ามือซ้ายจะกำแน่นกว่าเดิม เพราะว่าความหอมจากกลิ่นกายของนางนั้นมาโอบล้อมเขาเอาไว้จนเขามึนศีรษะไปหมดแล้วพลางคิดว่า จะมาดูแลเขาทำไมถึงได้ใส่น้ำหอมมามากขนาดนี้กันนะผู้หญิงบ้าคนนี้นี่ แต่ทว่ากลิ่นของนางช่างหอมเย้ายวนใจเหลือเกินจนเขาแอบสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ หลายครั้ง หวังหย่งเล่อนิ่งไม่พูดอะไรเลย ตอนนี้เฟิงมิ่งจูคิดว่าอาจจะเป็นเพราะว่าเขาบาดเจ็บคาถาเสน่ห์ของนางอาจจะยังไม่ออกฤทธิ์ ไม่เป็นไรนางให้โอกาสให้เวลามันออกฤทธิ์หน่อยก็แล้วกัน จากนั้นนางก็ค่อยใช้ผ้ามาเช็ดตามเสื้อผ้าของเขาอีก พลางเอ่ยว่าปลอบเขาไปด้วยว่าไม่นานก็หาย นางพยายามใช้ไม้อ่อนกับคนไข้ที่เอาแต่ใจคนนี้ ตลอดเวลาที่นางพูดนั้น เขาจะหลับตาเหมือนกับไม่อยากจะมองมาที่นาง เฮ้ออ คงจะเจ็บมาสินะ แต่ไม่เป็นไร อีกไม่นานก็จะหายเว่ยเว่ยลูกรัก เป็นคนบอกนางเอง แต่ว่าระหว่างนี้อาจจะอารมณ์เสียหน่อย นางจะต้องอดทน นางบอกตัวเอง จากนั้นไม่นานน้ำแกงถ้วยใหม่ก็ถูกเสี่ยวถังหยวนนำมาให้นางอีกครั้ง “มาเจ้าค่ะ มาดื่มสักหน่อยท่านไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้าแล้ว เดี๋ยวแผลจะไม่หายนะเจ้าค่ะ” นางพยายามใช้น้ำเสียงอ่อนหวานที่สุด เพื่อจะให้เขาอารมณ์ดีขึ้นและรอให้คาถาของนางออกฤทธิ์ ขณะที่นางกำลังจะนำช้อนป้อนน้ำแกงให้เขาอีกครั้งเสียงแหบทุ้มต่ำและเย็นเยียบของหวังหย่งเล่อก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง นัยน์ตาสีดำสนิทของเขาเบิกกว้าง พยายามหันไปมองตามเสียงของนาง และจ้องนิ่งไปข้างหน้าราวกับกำลังจ้องมองนางอยู่ "จ้าวเม่ย หรือแม่นางอะไรก็แล้วแต่ที่เจ้าเป็น ข้าขอพูดเป็นครั้งสุดท้าย ข้าไม่ต้องการเจ้าแล้ว เจ้าก็รู้ว่าระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ข้าไม่เคยคิดจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมแล้ว พวกเราต่างคนต่างเดินเถิด ข้าขอปล่อยมือจากเจ้า ขอปล่อยมือจากเจ้าชั่วนิรันดร์" น้ำเสียงของเขาเหมือนไม่แยแสต่อสิ่งใด แต่ว่าหัวใจของเขาแหลกสลาย แต่เขาจำเป็นต้องทำเช่นนี้ หวังหย่งเลอรู้อยู่แก่ใจดีว่าจ้าวเม่ยนั้นรักเขาเพียงใด เขาจึงไม่อยากให้นางต้องมาทุกข์ทรมานกับชายตาบอดไร้ค่าเช่นเขา เขาอยากให้นางมีชีวิตที่ดี มีความสุข มีอนาคตที่สดใสและนั่นคือสิ่งที่เขาไม่สามารถมอบให้นางได้แล้ว เขาจำต้องปล่อยมือจากนาง "ข้า...ข้าไม่เข้าใจค่ะ ท่านพี่ หลีเฉิง เหตุใด...ท่าน..เหตุใด.. หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ?" เสียงของนางสาวเฟิงมิ่งจูสั่นเครือ และสับสนไม่น้อย น้ำตาเอ่อคลอดวงตาของนาง คำพูดที่ราวกับมีดที่แหลมคมค่อยเฉือนเข้ามาที่หัวใจของนาง "ข้าบอกแล้วไง ว่าข้าไม่มีใจให้เจ้าอีกต่อไป" หวังหย่งเลอโกหกและหลับตาลงอีกครั้ง เขาหันหลังให้ราวกับไม่ต้องการเห็นนาง "แต่...แต่ทำไมล่ะเจ้าคะ?" เฟิงมิ่งจูกลั่นน้ำตาและเอ่ยถาม "ข้าทำอะไรผิดเช่นนั้นหรือเจ้าคะหลีเฉิงท่านถึงได้ทำเช่นนี้กับข้า" "เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิด" หวังหย่งเลอกล่าว "ข้าก็แค่ไม่มีใจให้เจ้าแล้วแค่นั้น หัวใจข้าไม่มีเจ้าอยู่ในนี้แล้ว เจ้าอย่ายื้อต่อไปเลย" ถ้วยน้ำแกงในมือสั่นจนรดราดมือของนางและร่วงหล่นลงพื้นและแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยราวกับหัวใจของนางที่แหลกสลายเหมือนกับชามใบนั้น นางไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เฟิงมิ่งจูนั้นนิ่งงั้นไปแล้วจากคำพูดที่ออกมาจากปากของผู้ชายคนที่นางเฝ้ารอเฝ้าคิดถึงมา 3ปี นางสูดหายใจเข้าเป็นรอบที่ 100 แล้วในวันนี้ หรือว่าคาถาที่นางใช้จะใช้ไม่ได้ผลกับเจ้าควายตัวนี้แล้วจริงๆ ..... นางทุ่มเททั้งกายและใจ ถึงกับใช้คาถาเสน่ห์มัดใจเขา แต่ทว่าวันนี้ คำพูดที่โหดร้ายจากปากของเขา กลับทำลายทุกสิ่งลงสิ้น รอยแผลจากน้ำแกงร้อนๆ ลวกนั้นนางไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดแต่อย่างใด แต่เป็นหัวใจของนางที่เจ็บปวดมากกว่า นางสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามกลั้นน้ำตานางคิดทบทวนถึงทุกสิ่งที่ผ่านมา ถึงความพยายามของนางถึงความทุ่มเทของนางแต่แล้ว ในที่สุด น้ำตาก็ไหลอาบแก้ม นางพ่ายแพ้แล้ว!! เฟิงมิ่งจูเจ้าแพ้แล้วแม้แต่คาถาเสน่ห์ก็ไม่สามารถทำให้เขากลับมาหาเจ้าได้แล้ว หวังหย่งเลอหลับตาลงกลั้นใจไม่ให้ตัวเองร้องไห้เขารู้ว่าเขาทำถูกต้องแล้วมือซ้ายกำหมัดแน่นนางสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่าเขา "ออกไปจากที่นี่ซะ!" เขาตะโกน "ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้าอีก!" เฟิงมิ่งจูเก็บเศษใจที่แตกสลาย ค่อยๆ ถอยออกมาจากเตียง มองแผ่นหลังของชายที่นางรักที่สุดในชีวิต และเป็นเพียงรักเดียวของนาง "ได้...เช่นนั้นก็ให้เป็นเช่นที่ท่านปรารถนาเถิด คุณชายหวังหย่งเล่อ" นางเอ่ยเสียงแผ่วเบา และเดินออกมาจากเรือนของเขาทันที ทว่าหากว่านางหันกลับไปมองจะเห็นว่าชายที่นอนอยู่นั้น น้ำตาของเขาได้ไหลออกมาจนเปียกหมอนไปหมดพร้อมเสียงสะอื้นเบาๆ ที่พยายามเก็บเอาไว้เต็มที่แล้ว เขารู้สึกเจ็บปวดหัวใจเหมือนมีมือขนาดใหญ่กำลังบีบเข้าที่หัวใจของเขา แต่เขารู้ว่าเขาทำถูกต้องแล้ว เขาไม่อยากให้นางต้องมาทุกข์ทรมานกับเขา เขาอยากให้นางมีชีวิตที่ดี มีความสุข มีอนาคตที่สดใสยิ่งตอนนี้เขาได้ทราบว่านางจะตั้งหลักที่เมืองหลวงแห่งนี้เขายิ่งอยากจะให้นางได้สุขสบาย เพราะว่าก่อนหน้าที่เขาเป็นจ้าวหลีเฉิงนั้นเขาไม่อาจจะให้นางได้ เขาควรปล่อยให้นางไปมีชีวิตที่นางสมควรได้รับ เขาควรทำ เขาทำถูกต้องแล้ว นี้คือสิ่งที่เขาเฝ้าบอกกับตัวเอง แม้ว่ามันจะหมายถึงว่า เขาจะต้องใช้ชีวิตที่เหลือของเขาเพียงลำพัง ในความมืดมิด ****สงสารจังควายน้อยลูกแม่ แต่ว่าเจ้าทำถูกแล้วแน่หรือ*** สายตาที่แสนเศร้าสร้อยของนาง... sds