
จ้าวเว่ยเว่ยสาวน้อยทะลุมิติพร้อมกระจกวิเศษ เล่มที่.6

“เช่นนั้นก็ตกลงไปเลยเพคะในเมื่อเขาให้ของมาแบบไม่มีข้อผูกมัดเราก็รับเอาไว้เถอะ” จวิ่นจูเว่ยเว่ยเอ่ยพลางนึกถึงใบหน้าที่แสนหล่อเหลาของคุณชายฉู่อี้เทียนพลางคิดว่า นี้นางเจอสายเปย์ที่แทร่จริงเข้าแล้วกระมัง.... “แล้วเจ้าต้องการส่วนแบ่งที่องค์ชายเก้าให้มาคราวนี้หรือไม่?” หยางเฟยหลงนั้นอดดีใจไม่ได้ที่นังหนูจวิ่นจู่นั้นให้เขาตอบรับของเหล่านั้นอย่างน้อยหนาวนี้ก็คงจะสามารถเพิ่มอาหารให้ราษฎรของพระองค์ได้บ้าง “เช่นนั้นก็แบ่งผ้าไหมมาให้หม่อมฉันสัก 10,000 พับก็แล้ว พวกข้าว เกลือ ธัญพืชข้าไม่ต้องการเพคะให้พระองค์ไปเลย รวมทั้งเงินตำลึงและของอื่นๆ พระองค์นำไปแจกจ่ายได้เลยเพคะ” นางใจกว้างอยู่แล้ว จะอยากได้ทำไม นางมีของเหล่านั้นมากเท่าที่ต้องการอยู่แล้ว ให้ฮ่องเต้เอาไปแจกประชาชนเถิด “จริงหรือ!! ดี ดี ดี เช่นนั้นผ้าไหมนี้ข้าจะได้แบ่งไปให้ฮองเฮาเอาไปแจกบรรดาสนมของข้าบ้าง เฮ้ออ พวกนางลำบากกับข้ามากแล้วจริงๆ” หยางเฟยหลงพูดเหมือนบ่นกับตัวเอง จากนั้นเขาก็ยกไวน์ขึ้นจิบอีกครั้ง เมื่อแบ่งของที่ได้เป็นค่านายหน้ามาแล้ว จวิ่นจู่ก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ฮ่องเต้เพคะ คือว่าหม่อมฉันว่าจะถามหลายครั้งแล้วแต่ลืมเพคะ คือว่าที่พระองค์ประทานตำแหน่งจวิ่นจู่ให้หม่อมฉันนั้น เออ ไม่ทราบว่ามีแต่ตำแหน่งหรือเพคะ แล้วไม่มีของพระราชทานมากับตำแหน่งเลยหรือ?” สิ้นเสียงถามของจวิ่นจู่ ความเงียบปะทุขึ้นมาในอากาศเสียงดังสนั่นทันที!!!! จากนั้นไม่นานฮ่องเต้ที่กำลังจิบไวน์อึกใหญ่ปลอบใจตัวเองอยู่เมื่อได้ยินคำถามแทงใจเช่นนั้นพระองค์ถึงกับสำลักไวน์ ไอออกมาอย่างแรงเลยทีเดียว ส่วนเว่ยกงกงนั้นก็ถึงกับหันมาจ้องมองจวิ่นจู่เหมือนจะบอกว่า จวิ่นจู่ก็ถามตรงเกิ้น!!!! “เออ… เออ แล้วเจ้าอยากจะได้อะไรเล่า เฮ้อ เจ้าก็คงจะรู้จากท่านตาของเจ้าแล้วว่าเรานะยากจนขนาดไหนเงินส่วนตัวที่พอจะหาได้มาเล็กๆ น้อยๆ ก็ต้องแบ่งเจียดจากเจ้าพวกขุนนางพวกนั้นที่ส่งฎีกามาขอ ไปให้บรรดาเมียๆ ของข้าบ้าง ข้าก็สงสารพวกนางเหมือนกันนะที่พอแต่งเข้าวังมังกรของข้านึกว่าจะสบายแต่กลับเป็นตรงกันข้าม พระสนมแต่ละคนต้องประหยัดมัธยัสถ์กันมาก แม้แต่ชุดเสื้อผ้าของพวกนางเวลาจะออกงานฮองเฮาของข้ายังให้พวกนางใส่ซ้ำ 2-3 ครั้งเลย ไม่ต้องพูดถึงเครื่องประดับนะ แม้แต่สินเดิมของฮองเฮานั้นข้ายังขอเอามาขายไปซื้อเกลือซื้อข้าวแจกประชาชนเมื่อห้าปีก่อนหมดแล้ว เฮ้ออ!! ข้าก็นึกสงสารพวกนางเหมือนกันนะสนมบางคนครีมทาหน้าอะไรสักอย่างของพวกนางหมดข้ายังไม่มีปัญญาจะเพิ่มตำลึงให้พวกนางไปซื้อเลย เจ้าคิดดูเองก็แล้วกัน นี้พอเจ้าบอกว่าไม่เอาผ้าไหมข้าดีใจมากเลย เพราะจะได้เอาไปให้พวกนางได้ตัดชุดใหม่ใส่กันบ้าง เฮ้อ ทำไมข้าถึงได้เป็นฮ่องเต้ที่น่าสงสารอย่างนี้เนี้ย อยากจะซื้อของให้เมียยังไม่ค่อยจะมีเงินเหลือเลย คิดแล้วเครียด” เมื่อได้บ่นปลดปล่อยความในใจเสร็จโดยไม่ห่วงภาพลักษณ์ใดๆ กับจวิ่นจู่องค์ใหม่ที่เป็นหลานสาวของเพื่อนรัก หยางเฟยหลงก็ระบายเต็มทีเลยทีเดียวจากนั้นก็ยกแก้วซดต่อไป จวิ่นจู่เว่ยเว่ยนั้นนิ่งงันไปแล้ว นางเพิ่งจะเคยพบเคยเห็นฮ่องเต้ที่เป็นเจ้าของแคว้นที่ยากจนขนาดให้บรรดาเมียของตัวเองใส่ชุดซ้ำเพื่อออกงานไหนจะเมียครีมทาหน้าหมดยังไม่มีปัญญาจะซื้อให้อีก ขนาดสินเดิมของฮองเฮายังเอาไปขายและมาเล่าให้นางฟังอี้ก!! มิน่าเหล่าถึงได้พยายามให้นางเข้าวังคงอยากจะให้นางมอบกระเป๋ารองเท้า แว่นตากันแดดให้บรรดาพระสนมของตัวเองแน่ๆ ปรกติที่นางเห็นในซีรีย์เหล่าพวกพระสนมมักจะวางยาพิษกันไม่ใช่หรือ แต่ว่าพระสนมของฮ่องเต้องค์นี่คงจะไม่มีใครทำหรอกมั้ง เพราะเท่าที่ฟังมา ลำพังจะกินจะใช้ยังลำบากเลย ปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตไม่เพียงพอก็เลยไม่มีการอยากจะวางยาพิษใครนั้นเอง เฮ้ออ!!! แต่ว่าอีกนัยหนึ่งก็ถือว่าเขาเป็นฮ่องเต้ที่ทุ่มเทให้ราษฎรของเขามากจริงๆ เพราะหากว่าเป็นคนอื่นในเมื่อครอบครัวของตัวเองลำบากขนาดนั้นไหนเลยจะหยิบยื่นข้าวของมากมายให้คนอื่นเล่า ยิ่งเป็นชาวบ้านชาวนายิ่งแล้วใหญ่ จวิ่นจู่เว่ยเว่ยมองฮ่องเต้คนยากจน อย่างพินิจพิจารณาก่อนจะคิดว่า เอาเถอะเห็นแก่ที่เขาทุ่มเทขนาดนี้นางจะช่วยเขาเองก็แล้วกัน นึกๆ ไปก็สงสารเหล่าสนมนางกำนัลที่อยู่ในวังเหมือนกันนะเนี้ย แต่งสามีผิดชีวิตเปลี่ยนเลยทีเดียว เดี๋ยวนางจะจัดชุดเครื่องสำอางค์ น้ำหอม กระเป๋า รองเท้าเสื้อผ้าแว่นตา ส่งเข้าวังไปให้ก็แล้วกัน สงสารอะ5555 “แล้วไม่มีจวนว่างหรือที่ดินให้บ้างหรือเพคะหากว่าไม่มีเงินทองเครื่องประดับให้หม่อมฉัน” ขณะที่นางเอ่ยถาม ท่านตาของนางก็เดินกลับมาจากไปเข้าห้องน้ำพอดี เขาถึงกลับไอหน้าแดงหน้าดำที่ได้ยินหลานสาวทวงถาม ของรางวัลที่ควรจะมาพร้อมตำแหน่งใหญ่โตที่ฮ่องเต้ให้นางมา “จวนหรือ?” จากนั้นเมื่อเขาเห็นหวังเทียนซานเดินเข้ามาพอจึงได้หันไปมองและเอ่ยขึ้นมาทันทีว่า “ตาเฒ่าข้ายังมีจวนว่างที่ยังไม่ได้ประทานให้ใครในเมืองหลวงอยู่อีกหรือไม่ เจ้าหาให้หลานสาวเจ้าสัก 2-3 หลังนะถ้ามีเหลืออยู่ ส่วนที่ดินก็...เช่นกันให้นางเลือกแต่ว่าต้องไม่เป็นที่ดินที่ชาวบ้านทำมาหากินอยู่นะ ข้าสงสารราษฎรของข้าหากว่าจะต้องไปแบ่งที่ดินของพวกเขามาให้เป็นรางวัลของเจ้า” เมื่อสั่งเสร็จก็ยกไวน์ขึ้นจิบอีกพลางคิดกับตัวเองว่า จนจริงๆ เลยตัวข้า... หวังเทียนซานเดินมานั่งตรงข้ามกับฮ่องเต้และเทชาชั้นเลิศที่หลานสาวเอาไว้ให้เขาดื่ม นางบอกว่าอีกไม่กี่สัปดาห์นางจะทำการผ่าตัดรักษาอาการของเขา นางจึงไม่ให้เขาดื่มสุราเด็ดขาดนั้นเอง เขานั้นอยากจะหายอยากจะอยู่กับลูกหลานนานๆ เขาย่อมเชื่อฟังหลานสาวอยู่แล้ว เมื่อจิบชากลิ่นหอมละมุนเสร็จก็หันมามองหน้าหลานสาวอีกครั้ง "จวนว่างหากว่าอยู่กลางเมืองนั้นไม่มีแล้ว แต่ว่าหากขยับออกมาหน่อยก็ยังพอมีอยู่ 2-3 หลัง เอาไว้วันหลังตาจะพาไปดูนะ ส่วนเรื่องที่ดินหลานอยากจะได้ที่ดินแบบไหนเล่า” “มีที่ดินแถวชายทะเลบ้างหรือไม่เจ้าคะท่านตา ข้าอยากจะสร้างเรือนแบบ พูลวิลล่าเอาไว้พักผ่อนสักหน่อย” นั้นอย่างไร พูลวิลล่าก็ตามมาแล้ว “ติดชายทะเลเช่นนั้นหรือ มีสิมีเยอะด้วยอย่างที่บอกว่าต้าหมิงของเรานั้น 3 ทิศนั้นติดทะเลทั้งหมดเลย” ทันใดนั้นเองซอสหอยนางรม น้ำปลา อาหารทะเลปิ้งย่าง เมนูต้มยำทะเลเดือด หลากหลายก็หลั่งไหลเข้ามาในหัวของนางทันที หากมีทะเลเยอะ เอาของทะเลมาขายให้ต่างแคว้นก็ได้นี่น่าจะเป็นการเพิ่มรายได้ให้ประชาชนด้วย ไหนจะทำซอสหอยนางรม ทำน้ำปลา ปลาตากแห้ง กะปิขายได้อีก จากนั้นนางก็หันไปมองฮ่องเต้ที่เริ่มปากไวน์ขวดที่ 2 แล้ว เฮ้อเขารักราษฎรนะ แต่ว่าเขาคงจะไม่รู้วิธีที่จะแปรรูปอาหารทะเลเพื่อมาเป็นสินค้าออกขายนั้นเอง “เช่นนั้นหากว่าหม่อมฉันอยากจะได้ที่ดินติดชายทะเลสัก 2-3 แห่งก็ทรงอนุญาตใช่หรือไม่เพคะ หม่อมฉันไม่เอามาฟรีๆ หรอกแต่ว่าหม่อมฉันจะให้สูตรซอสบางอย่างเป็นการแลกเปลี่ยนหท่อมฉันรับรองว่าหากอาหารที่ได้ใส่ซอสที่ทำจากหอยทะเลตัวนี้แล้วรับรองว่าทุกคนจะติดใจ” จวิ่นจู่มองไปที่ฮ่องเต้พลางเอ่ยขึ้นมา “หากว่าพระองค์ทำเป็นโรงงานผลิตซอสชนิดนี้ออกมาขายและหักส่วนกำไรเป็นของส่วนตัวสัก 1-2 ส่วน หม่อมฉันคิดว่าวังมังกรและพระสนมของพระองค์น่าจะมีชีวิตที่ดีขึ้นนะเพคะ” จวิ่นจู่แนะนำไปตามประสา55555 “ซอสที่ว่าคืออะไรหรือ?” ทั้งสามเสียงถามขึ้นมาพร้อมกันทันที สองเสียงแรกนั้นถามเพราะว่ายากจนอยากจะหาอาชีพเสริม ส่วนอีกเสียงนั้นรวยอยู่แล้วแต่ก็อยากจะมีรายได้เพิ่มเอาไว้เลี้ยงหลานนั้นเอง จวิ่นจู่ไม่พูดอะไรต่อแต่ส่งยิ้มให้กับผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามคนแทน สองวันต่อมาตามสัญญาที่นัดเอาไว้กับองค์ชายเก้า ตอนนี้ทั้งสองนั่งประจันหน้ากันอยู่ที่ห้องรับรองของจวนเฟิง เนื่องจากว่า ฮ่องเต้นั้นมีธุระสำคัญอยากจะปรึกษากับนางพอดี เขาจึงได้ออกมาจากวังเอง ไม่ได้เรียกให้องค์ชายเข้าพบที่วังหลวงแต่อย่างใด “เช่นนั้นก็เป็นตกลงใช่หรือไม่พะยะค่ะ ตอนนี้คนของกระหม่อมพร้อมที่จะขนของมาให้พระองค์มากเลย” เจ้าหมาป่ายิ้มให้กับลูกแก....เออ..ฉู่อี้เทียนยิ้มให้กับฮ่องเต้แคว้นต้าหมิง หยางเฟยหลงพยักหน้าเบาพลางหลบสายตาและคิดว่า ใครจะเป็นหมาป่าใครจะเป็นลูกแกะก็ยังไม่รู้เลยเจ้าหนู หึหึหึ... จากนั้นเขาก็ทำหน้านิ่งและเอ่ยข้อตกลงของทั้งสองอีกครั้ง ซึ่งเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นตอนนี้หยางเฟยหลงกำตั๋วแลกเงิน 300 ล้านเอาไว้ในมือแน่นเขาแอบเหล่ตามองเจ้าขันทีเฒ่าที่จ้องมาที่ตั๋วแลกเงินของเขาเหมือนกัน หึ คราวนี้เขาจะไม่ให้หรอกนะ จากนั้นเขาก็ค่อยๆ เหน็บตั๋วแลกเงินฉบับนั้นเอาไว้ที่เข็มขัดเสียเลย เขาจะดูสิว่าจะมีใครมาแย่งตั๋วฉบับนี้ไปจากเขาได้อีกไหม. (น่าสงสารอะ...พยายามเก็บเงินมาก) “เออ ยังมีอีกหนึ่งเรื่องเล็กๆ ที่กระหม่อมอยากจะให้พระองค์ช่วยพะยะค่ะ” ฉู่อี้เทียนเอ่ย หยางเฟยหลงมองเขาเขม็งเหมือนจะถามว่า จะใช้อะไรเขาอีกหล่ะอะไรประมาณนั้น ฉู้อี้เทียนค่อยๆ ดึงปิ่นหยกมันแพะสีขาวใสราวกับแก้วออกมา ตรงปลายนั้นมีเพชรเม็ดเล็กๆ เป็นรูปดอกซากุระสีชมพูห้อยอยู่ เขาค่อยเลื่อนหยกชิ้นนั้นมาตรงหน้าหยางไป่หลงและเอ่ยว่า “กระหม่อมอยากจะให้พระองค์มอบปิ่นหยกชิ้นนี้ให้กับจวิ่นจู่และให้นางใช้สำหรับปักปิ่นพะยะค่ะ” เขาเอ่ยสิ่งที่ต้องการออกไป หยางเฟยหลงมองปิ่นหยกชิ้นนั้นจากนั้นก็เงยหน้ามองจ้องตาเจ้าหนุ่มสายเปย์ที่จวิ่นจู่เรียก ก่อนจะเอ่ยว่า “ข้าไม่ทำงานให้ใครฟรีๆ หรอกนะ” เขาเอ่ยและทำหน้านิ่งเฉยเมย หน้าด้านเข้าไว้เขาบอกตัวเอง “เพิ่มข้าวสารให้อีก 200,000 ชั่งสำหรับนำส่งปิ่นนี้พะยะค่ะ” ฉู่อี้เทียนเอ่ยขึ้น “ตกลง!” หยางเฟยหลงเอ่ยขึ้นมาเสียงดังหน้าไม่แดงสีหน้าไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อยและหยิบปิ่นหยกชิ้นนั้นขึ้นมาส่งให้เว่ยกงกงนำไปเก็บ ทำอย่างไรได้เล่าก็เขามันจนนี้น่า ทำงานเล็กๆ น้อยๆ ก็ต้องคิดค่าแรงสิ.... *** เป็นฮ่่องเต้ที่ยากจนของแทร่เช่นกัน เมียครีมทาหน้าหมดยังไม่มีปัญญาให้เงินซื้อเลย5555 ไรท์ชอบฮ่องเต้คนนี้แล้ว ไรท์จะปล่อยควายน้อยไปอยู่กับครอบครัวของเขา แล้วเอาฮ่องเต้มาเล่นแทน 5555 ***