
ห้วงฝันคะนึงรัก

“ข้างล่างมีการแสดงด้วยท่าน....” เขาที่เดินเข้ามาประชิดตัวอย่างไม่ทันระวังเพื่อมองลงไปยังด้านล่างฟ่านชิวก็หันกลับมาพอดีทำให้ไหล่บางกระทบแผงอกกว้างของฮุ่ยหมิงเขาจึงต้องใช้อีกแขนประคองเธอเอาไว้เพื่อไม่ให้ร่างบางกระแทกขอบหน้าต่างอีกครั้ง “เจ้าเป็นอะไรหรือไม่” เขาถามเสียงแผ่วจ้องลึกนัยน์ตาคนตรงหน้าอย่างค้นหา “เอ่อ....ข้าไม่เป็นอะไร” ฟ่านชิวคิดขยับหนีเขาจึงฉวยโอกาสนี้โอบเอวเธอเอาไว้ทำให้ใบหน้าทั้งสองใกล้กันจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่น กลิ่นหอมจากกายสาวทำให้หัวใจชายหนุ่มเต้นไม่เป็นจังหวะฟ่านชิวก็ไม่ต่างจากเขานักสองพวงแก้มร้อนผ่าวจนเป็นสีระเรื่อ ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูจากด้านนอกเรียกสติให้ทั้งสองต้องแยกออกห่างก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออกตามด้วยร่างสูงของเฉินหลี่ก้าวเข้ามา “พวกเจ้ามาถึงนานแล้วหรือ” เฉินหลี่เอ่ยขึ้นแต่ทั้งสองต่างนิ่งเงียบทำให้เฉินหลี่เข้าใจในสถานการณ์จึงยิ้มออกมา ครู่ต่อมาเสี่ยวเอ้อร์ก็เดินเข้ามาก่อนจะนำอาหารมาวางลงบนโต๊ะ ฟ่านชิวจึงรีบเดินเข้ามานั่ง “เจ้าก็มานั่งสิหรือเจ้าจะยืนอยู่อย่างนั้น” เฉินหลี่หันมาบอกฮุ่ยหมิงที่ยืนนิ่งอยู่ริมหน้าต่าง ฟ่านชิวจึงได้แต่ก้มหน้าเงียบไม่พูดจาอะไรอีก “นี่พวกเจ้าสองคนเป็นอะไรไปหรือท่าทางแปลกๆ” เฉินหลี่แกล้งถามต่อทั้งที่พอจะเดาออกแล้ว “แม่นางชิวไม่สบายหรือเหตุใดหน้าถึงแดง” เขาหันมาพูดกับเธอบ้าง “เอ่อ..คงเป็นเพราะอากาศร้อนไปหน่อยกระมัง” ฟ่านชิวบอกก่อนจะหยิบถ้วยน้ำชาที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นดื่มด้วยความเขินก่อนจะสำลักออกมาเพราะว่าน้ำในถ้วยรสชาติแปลกไป เฉินหลี่จะเอ่ยห้ามก็ไม่ทันเสียแล้ว “เจ้าเป็นอะไรไป” ฮุ่ยหมิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตกใจเขารีบยื่นถ้วยน้ำชาใหม่ให้นางทันที “นี่มันไม่ใช่น้ำชา” จะสำลักออกมาก็ไม่ได้เพราะได้กลืนไปหมดแล้ว “ข้ากำลังจะบอกว่าในนั้นเป็นสุราแต่ก็ช้ากว่าเจ้า” เฉินหลี่ได้แต่ยิ้มแห้งบอกออกไป ก็นางเล่นไม่ดูก่อนแถมยังมือไวอีกต่างหาก “เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม” เขาถามอย่างห่วงใย “ข้าไม่เป็นไร” ปากบอกไม่เป็นไรแต่ความรู้สึกของเธอในตอนนี้เริ่มเวียนหัวขึ้นมาทันที เธอจึงได้รีบกินอาหารตรงหน้าเพื่อที่ท้องจะได้ไม่ว่างเพราะก่อนหน้าเธอไม่ได้กินอะไรมาเลยซ้ำยังดื่มสุราเข้าไปอีกมีหวังคงได้เมากันพอดี “เจ้าหิวอย่างนั้นหรือกินให้เต็มที่เลยนะ เสร็จแล้วข้าจะพาลงไปดูการละเล่นด้านล่าง” เฉินหลี่บอกก่อนที่ทุกคนจะลงมือกินอาหารพร้อมกัน “อืม” ฟ่านชิวตอบรับ ผ่านไปได้ครู่หนึ่งสุราเริ่มออกฤทธิ์ทำให้เธอเริ่มมึนศีรษะมากขึ้นกว่าเดิมแต่ไม่กล้าเอ่ยบอกจนกระทั่งถึงเวลาลงไปเดินดูการละเล่นด้านล่าง เธอพยายามประคองสติตัวเองให้เป็นปกติเดินตามทั้งสองไป หากแต่ฮุ่ยหมิงจับสังเกตถึงอาการที่เปลี่ยนไปของเธอได้เช่นกัน “เจ้าไหวหรือไม่อาการของเจ้าดูไม่ดีเอาเสียเลย” ฮุ่ยหมิงเอ่ยถามขึ้นเมื่อเดินออกมาด้านนอกแล้วอาการของนางก็ยังไม่ดีขึ้น