เคหาสน์ไม้หอม

จันทร์เอยจันทร์เจ้าที่คล้อย...ลอยเลื่อน ดั่งจันทร์เตือนให้พี่ช้ำ...ระกำหม่น อกพี่นี้ช้ำสุดขืน..ฝืนจะทน ยอมจำนนก้มหน้า...น้ำตาคลอ ภายใต้ร่มไม้ชายคาแห่ง ‘วังสิวาเวธน์’ คือตำนานรักระหว่างท่านชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์กับหญิงสาวผู้งดงามผุดพรายราวจันทร์กระจ่างฟ้าที่จนถึงบัดนี้ยังคงถูกกล่าวขาน คฤหาสน์ไม้กฤษณาทรงปั้นหยาหลังงาม ซึ่งตั้งอยู่ชายน้ำ...คือตัวแทนแห่งรักของทั้งคู่ ว่ากันว่าเดิมทีตำหนักริมน้ำหลังดังกล่าว ถูกสร้างขี้นเพื่อใช่เป็น ‘ทิพยสถาน...วิมานรัก’ แห่งคนทั้งสอง ทว่าเหตุการณ์ไม่คาดฝันบางอย่างกลับทำให้มันต้องถูกทิ้งให้ตระหง่านดาย ท่ามกลางกระแสแห่งความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยที่ไม่เคยหยุดนิ่ง...เป็นเวลาเนิ่นนาน กระทั่งครอบครัวของอิทธิพัทธ์เยื้องย่างเข้ามาถือครองกรรมสิทธิ์ในที่ดินผืนที่ผ่านการปลี่ยนมือมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนนี้ ตำนานรักอันถูกกาลเวลากลืนกินร่วมร้อยปี จึงถูกนำขึ้นมาเล่าขานอีกครั้ง โดยหม่อมเจ้าชายหนุ่มผู้ซึ่งปรากฏองค์ให้จิรัสยาเห็นเป็นเนืองนิจ! “เธอลืมทุกสิ่นไปสิ้นแล้วหรือคุณจันทร์!” สุรเสียงแห่งเจ้าของดวงเนตรคร้ามกล้า ยามใช้เอ่ยถามหญิงผู้ซึ่งเคยเป็น ‘ยอดแห่งดวงหทัย’ มีทั้งริ้วรอยแห่งความเว้าวอนและตัดพ้อระคนกัน “แม้แต่เรื่องราวความรักที่เราทั้งคู่เคยมีแก่กัน เธอก็ลืมมันไปจนสิ้นด้วยอย่างนั้นหรือคุณจันทร์?” ...รักเคยซ่านหวานซึ้งตรึงใจเรา เปลี่นเป็นเงาเผาดวงจิตอนิจจา...