เวย์เยิฟเลิฟเธอได้ปะ

“ประหยัดกับของกินเนี่ยนะ” “ของกินเนี่ยแหละตัวดีเสียตังหลายบาท” “เป็นความคิดที่ไม่เข้าท่า ตัวเองกินเยอะจะตายแล้วต้องอดทนไม่ให้กินของอร่อยที่อยากกิน เธอทรมานตัวเองชัด ๆ” “นายทำฉันไขว้เขวเลย ไม่คุยด้วยแล้ว” “กินเยอะก็ออกกำลังกายสิ ไม่ใช่ห้ามกินของอร่อย” ผมพูดอย่างนี้เพราะเธอวีนแหลกเรื่องขนม ซึ่งของอร่อยของเพิร์ลล้วนเน้นแป้งไขมัน “ฉันเทรนให้ได้นะ” “ตีกันตายก่อนพอดี” “เธอมีฮูลาฮูปนี่เอามาหมุนบ้างหรือยัง” “ยังไม่ว่าง” “ข้ออ้างของคนหมุนไม่เป็นแต่โม้ว่าทำเป็น” “ไม่ต้องเหลี่ยมใส่ค่ะ รู้ทันไม่คล้อยตามแน่นอน พอดีว่าเป็นคนยุไม่ขึ้นมีแค่ความสวยที่ขึ้นอยู่ได้” “ฉันก็คิดอยู่แล้วว่าเธอคงไม่เชื่อหรอก” “...” “ยังไงเธอก็เป็นคนพูดไม่จริงอยู่แล้ว” “อ้าวโดนด่าเฉย” “ยืนหน้าขาวให้ด่าทำไมล่ะ” “หน้านกน่ะอย่ามั่นให้มันมากนัก” “พูดแรงเพื่อ จี้ใจดำกันเกินไปไหม” ผมเดินประจันหน้ายัยอ้วนปากดีแหงนหน้ายักคิ้ว มาดิ ๆ “อย่าให้รู้นะว่าแอบชอบใครแล้วอกหักจะสมน้ำหน้าถวายหญ้าให้ควายกิน” “ซอรี่นะเผอิญว่าไม่มี พอดีให้ใจเต็มร้อยกับคนทางไกลที่เซาท์โคเรียยะโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนอยู่แล้ว แค่มองหน้าหล่อ ๆโปรยรอยยิ้มหวานล้วนสุขทางใจ ไม่คิดอยากครอบครองให้เกิดความทุกข์ แม้จะรู้แก่ใจว่าเป็นไปไม่ได้” ผมยกนิ้วโป้งไม่ได้แสดงถึงเยี่ยม โป้ง! ยัยอ้วนพูดจาร้ายกาจว่ะ เพิร์ลยกนิ้วโป้งแตะนิ้วของผมและพูดเสียงที่ฟังดูไม่ได้รู้สึกถึงการเยาะเย้ยถากถาง “ขอส่งพลังให้เผื่อช่วยบรรเทาความทุกข์ รับพลังความแกร่งกล้าจากพี่ไปซะน้อง ด้วยคาถาแห่งมนต์ตราขอจงนำพาพ้นหุบเหวหุบเขาเหล่ากอ ห้วงน้ำโคลนตมห้วงลึกทะเลเค็มอย่าจมอย่าอกหักอย่ารักใครมากเท่าตัวเอง” อ้วนแล้วพลังเยอะ :) ผมขอรับพลังนั้นมาก็แล้วกัน กว่าจะถึงบทส่งกำลังใจกันนั้นต้องด่ากันมาก่อน เธอปากดี ผมปากร้าย เราพูดจาร้ายๆ ใส่กัน เพราะเธอคือเพื่อนข้างบ้าน เพื่อนร่วมอาคารเรียน เพื่อนร่วมโลก โลกนี้ที่เดียวพอ