ท้ายเรือนคุณหลวง

*คุณหลวงเจ้าขา โปรดปรานีอิฉันด้วยเถิดเจ้าค่ะ* ---------------------------------------------------------- เจิมจันทร์ต้องแอบซุ่มตัวอยู่หลังพุ่มดอกเข็ม หล่อนนั่งตรงนี้มาได้หลายชั่วโมง จนตอนนี้ตะวันตกดินไร้สิ้นแสงสว่าง เจิมจันทร์ก็ยังใช้พุ่มไม้ดกหนานี้เป็นที่กำบังร่างกาย โดยสายตากลมโตยังคงจับจ้องไปยังเรือนไม้ยกสูงชั้นเดี่ยว ตรงราวระเบียงห้อยกระถางดอกพีทูเนียเรียงยาวล้อมรอบ ขยับลงมาตรงพื้นระเบียงเป็นเก้าอี้หวายหน้าตาดูแปลกประหลาด ข้างๆกันนั้นเป็นโต๊ะไม้ตัวเตี้ยๆเอาไว้วางสิ่งของ เรือนหลังงามนี้ทำจากไม้มีราคา ตบแต่งดูประหลาดตาเจิมจันทร์ไม่เคยเห็น เป้าหมายสำคัญของเจิมจันทร์กำลังเอนตัวนั่งอ่านหนังสือ เจิมจันทร์ร้อนรน ยังไม่รู้จะเข้าหาเขาอย่างไรถึงจะไม่ถูกไล่ตะเพิด ไม่รู้วิธีการเข้าหาพอๆกับไม่รู้จะพาตัวเองไปหาที่ซุกหัวนอนที่ไหนถึงจะปลอดภัยไม่ต้องถูกลากตัวไปขายให้เรือนขุนพระเดโช พอหมดหน้าทำนารายได้ของเจิมจันทร์ก็เลยขัดสน เจิมจันทร์ไม่มีอัฐกลับไปให้เดือนอ้าย หล่อนไม่กลัวการถูกทุบตี เจิมจันทร์กลัวการถูกขายไปเป็นทาสเรือนขุนเดโชมากกว่า หล่อนจึงมองหาวิธีพาตัวเองให้รอดพ้นจากเคราะห์กรรม ‘เอ็งเห็นหนุ่มผู้นั้นหรือไม่นังยี่สุ่น...’ ‘ทำไมหรือจ๊ะแม่...’ ยี่สุ่นมองตามสายตาของแม่ด้วยความรู้สึกงุนงง ยี่สุ่นยังเด็กเกินกว่าจะรู้สึกพิเศษกับหนุ่มคนไหน เด็กสาวจึงย้อนถามผู้เป็นแม่กลับอย่างขอไปที พอดีเจิมจันทร์เดินมาเติมกับข้าวในวง หล่อนจึงเผลอมองตามสายตาของสองแม่ลูก อ้อ...เป็นชายหนุ่มที่เจิมจันทร์สะดุดตาตั้งแต่แรกเห็นนั่นเอง ‘เขาว่าชาติตระกูลของพ่อไม่ธรรมดา’ ‘ไม่ธรรมดาอย่างไรเล่าแม่...’ ยี่สุ่นถามทั้งที่ปากยังเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ หูฟังก็จริงแต่เจ้าตัวไม่ใคร่จะสนใจข้อมูลที่แม่ป้อนใส่หูให้ฟังนักหรอก ‘เป็นถึงลูกเจ้าขุนมูลนาย มียศถาบรรดาศักดิ์ บารมีก็มากล้น เขาว่ากันว่า...ดูจะมากว่าเรือนขุนพระเดโชเสียอีก แต่ว่าชอบทำตัวติดดิน ไม่อวดร่ำอวดรวย ยกตนข่มท่านเหมือนกับเจ้านายเรือนอื่นๆน่ะสิ...’ เจิมจันทร์ชักสนใจตรงจุดนี้ มีบารมีมากกว่าขุนเดโชงั้นหรือ? ‘รวมๆก็เป็นคนนิสัยดีใช่ไหมแม่’ ยี่สุ่นตักไข่พะโล้เข้าปากคำโตเคี้ยวตุ้ยๆ ตอนเคี้ยวคำสุดท้ายยี่สุ่นดันเผลอปรายตามองตรงไปยังชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลา ยี่สุ่นสะดุ้งโหยง....ใครจะคาดคิดเล่าว่าชายใจดีของแม่กำลังส่งสายตามองมาที่ตนเหมือนกัน ตอนนั้นเองยี่สุ่นเกือบจะสำลักไข่พะโล้ อา...เขามองมาทางหล่อนด้วย ยี่สุ่นขนลุกซู่ รีบหลบตาชายใจดีของแม่เป็นพัลวัน ไม่ใช่ว่ายี่สุ่นจะนึกเหนียมอายอย่างชายหญิง เพียงแต่หล่อนนึกกลัวสายตาเยือกเย็นนั้นซะมากกว่า คนอะไรหน้าตาออกจะหล่อเหลาปานเทพบุตรมาจุติ แต่ดันมีดวงตาน่ากลัวเหมือนผีตาโบ๋ ความจริงหลวงไกรหาได้มองไปทางยี่สุ่น คุณหลวงกำลังมองหญิงสาวก้มๆเงยๆตักแกงในหม้อส่งแจกจ่ายให้กลุ่มชาวบ้าน แม่ของยี่สุ่นยังพูดไม่เลิก นางคงจะรู้สึกชื่นชมหลวงไกรเอามากๆ ‘ถ้าเอ็งโตขึ้นกว่านี้หน่อย ข้าจะส่งเอ็งไปทำงานเป็นบ่าวเรือนนั้น เอ็งกับข้าจะได้สบาย ไม่ต้องมาคอยหากินข้าวอร่อยๆที่บ้านของยายดาวเรือง’ ‘ไปเป็นบ่าวเรือนนั้นมันดียังไง’ ยี่สุ่นถามตามประสาเด็ก ‘เขาว่ากันว่า...เจ้านายเรือนท่านเจ้าคุณหลวงณรงค์ บิดาของพ่อไกร ท่านมีจิตใจดี มีเมตตากรุณากับบ่าวไพร่กันทุกคนในเรือนน่ะสิ ’ ยี่สุ่นนิ่วหน้าส่งสายตามองแม่ ‘ไอ้ที่เขาว่ากันว่า...เขาคนนั้นคือใครหรือแม่’ คำถามกวนประสาทของลูกสาวทำให้ผู้เป็นแม่มองตาขวาง ยังแอบส่งมือหยิกตรงท่อนขาอ่อน ยี่สุ่นสะดุ้งมองแม่ตาปรอย เจิมจันทร์ดึงผ้าคลุมหน้าตอนมันท่าท่าจะหลุด เอี้ยวเพียงใบหน้าเห็นเพียงดวงตากลมวาว หันมองตรงไปยังชายหนุ่มที่กำลังถูกสองแม่ลูกกล่าวถึง หล่อนเห็นเขานั่งดื่มกินกับพวกชาวบ้าน ทำตัวกลมกลืนจนมองไม่ออกว่าชายหนุ่มผู้นั้นเป็นถึงลูกพญานาหมื่น ต่างแค่เพียงบุคลิกท่วงท่าดูองอาจผึ่งผาย ใบหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลา ราวกับไม่เคยต้องทำงานหนักกลางแจ้ง ก็คงไม่เคยทำจริงๆนั่นแหละ ----------------------------------------------------------------- *มีตัวอย่างให้อ่านก่อนตัดสินใจซื้อ