คุณหนูตระกูลหยาง

หานจิ่วเม่ย คุณหนูใหญ่แห่งจวนหาน ซึ่งเกิดจากแม่ทัพหานกับอนุผู้หนึ่ง มารดาของจิ่วเม่ยนั้นไม่ได้รักใคร่หรือหลงใหลในตัวของแม่ทัพหานเลย แต่ต้องยอมมาเป็นอนุก็เพราะค่ำคืนในงานเลี้ยงฉลองที่จวนของขุนนางท่านหนึ่ง มีสตรีที่หวังจะเป็นฮูหยินของแม่ทัพหาน จึงได้วางยาปลุกกำหนัดลงไปในสุราของแม่ทัพหาน แม่ทัพหานออกไปจากงานเลี้ยง เมื่อรู้ว่าตนเองนั้นถูกวางยาปลุกกำหนัด ด้วยฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดทำให้แม่ทัพหานขาดสติจึงฉุดสตรีนางหนึ่งเพื่อปลดปล่อยความปรารถนาของตน และสตรีผู้นั้นก็คือมารดาของจิ่วเม่ย ซูฟางอิงมารดาของจิ่วเม่ยนั้นเป็นเพียงบุตรีของคหบดีคนหนึ่งในเมืองหลวง จึงไม่นับว่ามีหน้ามีตาอันใดหากเทียบกับคุณหนูจวนขุนนาง จึงเป็นได้เพียงอนุเท่านั้น ตัวของแม่ทัพหานซูจิ้งผู้เป็นบิดาของจิ่วเม่ยเองก็ไม่ได้เกิดจากฮูหยินเอก เขาเกิดจากฮูหยินรอง ด้วยความอิจฉาริษยาและอยากเป็นใหญ่ของผู้เป็นมารดา นางจึงไว้วางแผนใส่ร้ายฮูหยินเอกจนต้องถูกขับไล่ไปจากจวนหาน แล้วนางก็ได้ขึ้นมาเป็นฮูหยินเอก ทำให้หานซูจิ้งกลายเป็นบุตรของฮูหยินเอกของจวนหาน หลังจากที่บิดาจากไปในสนามรบ ฮ่องเต้จึงประทานตำแหน่งแม่ทัพให้แก่ทายาทของจวนหาน ซึ่งก็คือแม่ทัพหานซูจิ้งนั่นเอง “อาจิ้ง ถึงเวลาที่เจ้าต้องแต่งสตรีที่จะหนุนอำนาจให้จวนหานได้แล้วนะ” มารดาของของซูจิ้งเอ่ยขึ้น “ข้าคงต้องทำเรือนหลังให้ว่างสินะขอรับ” ซูจิ้งเอ่ยขึ้นมา เพราะหากเรือนหลังของเขายังมีอนุอยู่ ไม่มีทางที่สตรีผู้นั้นจะยอมแต่งงานกับเขาเป็นแน่ “เจ้าจะยอมทิ้งอนุไร้ค่าคนหนึ่งเพื่อตระกูลหานของเราได้หรือไม่” มารดาของซูจิ้งเอ่ยถามอีกครั้ง “แต่นางกำลังตั้งครรภ์อยู่นะขอรับท่านแม่” ซูจิ้งไม่อยากหย่าขาดเพราะรู้สึกห่วงบุตรที่กำลังจะเกิดมา “บุตรที่เกิดจากอนุ จะช่วยตระกูลหานของเราให้ยิ่งใหญ่ได้หรือ” มารดาของซูจิ้งไม่ยินยอมที่จะเสียโอกาสในครั้งนี้ไป “ขอรับท่านแม่” หานซูจิ้งยอมรับคำของมารดา หลังจากนั้นหนังสือหย่าก็ถูกส่งมาให้ฟางอิง นางต้องอุ้มท้องเดินออกจากจวนหาน นางเลือกที่จะไม่กลับไปยังตระกูลเดิม เพราะสตรีที่ถูกหย่าขาดเช่นนางคงไม่มีผู้ใดอยากรับกลับเข้าตระกูล “จิ่วเม่ย ลูกแม่เราไปอยู่กันสองคนก็ได้นะ” ฟางอิงลูบท้องแล้วเอยออกมาอย่างเข้มแข็ง ฟางอิงมุ่งหน้าไปยังแดนเหนือ นางเคยติดตามบิดามาทำการค้าที่แดนเหนือ นางรู้สึกชอบที่นั่นมาก เมื่อโอกาสมาถึงเช่นนี้นางจึงไม่ลังเลที่จะไปที่แดนเหนือ เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ กับลูกน้อยของนาง