ท่านอ๋องมิใช่ท่านชิงชังข้าหรอกหรือ?(เล่มเดียวจบ)
สามหนาวก่อน'ถานเมิ่งจี'เป็นหนึ่งในคนที่ทำให้คู่หมายของเขาถึงแก่ความตายพร้อมเด็กในครรภ์พออีกสามหนาวต่อมานางกลับมาคุกเข่าอยู่ตรงหน้าวิงวอนขอความเมตตาจากเขาเช่นนี้หรือ'หลี่ปิงเฉิง'จะไม่ฉวยโอกาสชำระแค้น! “ขออภัยนะลู่เจียว” “!?” ลู่เจียวทำหน้าไม่เข้าใจหลังจากตนเองช่วยแต่งกายให้คุณหนูของตนเรียบร้อยอีกฝ่ายกลับหันมากล่าวขอโทษ ตุบ! แต่ก็สงสัยได้ไม่นานเมื่อท้ายทอยของตนคล้ายถูกของหนักกระแทกลงมาจนบงเกิดความเจ็บวูบหนึ่งสติของลู่เจียวก็มืดมนไม่รับรู้อันใดอีก ยังดีที่ขนาดร่างกายของสาวใช้คนสนิทและถานเมิ่งจีไม่ต่างกันมากหาไม่นางคงต้องปล่อยให้อีกฝ่ายล้มลงไปกระแทกพื้นเสียเป็นแน่ ถึงจะเจ็บมือไม่น้อยที่ต้องออกแรงทุบลงไปบนท้ายท้อยของลู่เจียวแต่ทำเช่นไรได้ในเมื่อท่านย่าคาดโทษสาวใช้ของนางเอาไว้มีเพียงต้องลงมือโหดเหี้ยมเช่นนี้จึงค่อยปกป้องอีกฝ่ายได้นางจึงต้องทำเพราะเพียงทบไปหนึ่งตุ๊บยังดีกว่าถูกลงโทษโบยหลายสิบไม้ตามกฏบ้านสกุลถาน “ขอโทษนะลู่เจียว” หลังจากลากอีกฝ่ายไปมัดเอาไว้ยังเสาร์เรือนกลางห้องนอนสำเร็จสาวน้อยถานเมิ่งจีจึงถอนหายใจโล่งอกจากนั้นจึงถอยหลังไม่ยืนมองสภาพภายในเรือนอีกรอบสำรวจว่ามีอันใดขาดตกแล้วท่านย่าจะสืบสาวไปเอาความผิดกับลู่เจียวได้อีกหรือไม่ พอแน่ใจนางจึงอาศัยความมืดอำพรางกายจนไปถึงกำแพงจวนด้านทิศเหนือซึ่งต่ำที่สุดแล้วในจสรถานไท่เว่ย “เฮ้อ! โคตรเหนื่อยบอกเลย” คนเพิ่งฟื้นไข้ที่ต้องออกแรงมากถึงกับทรุดกายลงนั่งพร้อมกับหายใจทางปากพักเหนื่อยอยู่ราวหนึ่งเค่อจึงปีนป่ายขึ้นไปอยู่กำแพงสำเร็จใบหน้างามบัดนี้มีหยาดเหงื่อชุ่มไปหมดแต่ช้าไปกว่านี้จะเลยเวลานัดกับโต้วซานแล้วแผนอาจล่มหรืออาจช้าไปจนลี่จื่อถูกปิดปากไปตลอดกาลเสียก่อน แต่พอปีนขึ้นมานั่งบนกำแพงสำเร็จปัญหาใหญ่ก็บังเกิด! “เพิ่งรู้แจ้งก็วันนี้แหละว่าข้ามันกลัวความสูง” จับกิ่งหลิวเอาไว้แน่นเรียวปากเล็กพึมพำออกมาด้วยเสียงจวนเจียนจะร้องไห้จากนั้นจึงสวดมนต์มั่วซั่วไปหมดขาเรียวก็สั่นระริกหากรู้ว่ากำแพงสูงเช่นนี้นางยอมมุดช่องสุนัขลอดแต่แรกก็ดีแต่มาคิดได้ในยามนี้ก็สายเสียแล้ว “เอาน่ามันไม่สูงหรอกสูงที่ใดกันไม่สูง…เล๊ย” สะกดจิตตนเองอยู่อีกสองเค่อจึงค่อยสงบใจหยิบขลุ่ยดินเหนียวมาเป่าส่งสัญญาณเรียกเด็กหนุ่มโต้วซานให้นำม้ามารอรับแต่จนแล้วจนรอดเด็กสาวกลับทำใจกล้าโดดลงจากกำแพงลงไปบนหลังม้าไม่ไหวก็โธ่… ใครไม่เคยหวาดกลัวความสูงคงไม่เข้าใจนางเป็นแน่นั่งทำใจอยู่สองเค่อถานเมิ่งจีกลับยากจะตัดใจเคยตายมาแล้วก็ใช่ว่าจะไม่กลัวตายอีกนี่นานั่งอยู่จนแสงจันทร์มาเยือนถูกแมลงกัดกินจนเลือดแทบหมดตัวกลั้นใจแล้วตัดใจอีกนางก็ไม่กล้ากระโดดกำแพงสักครา… ผลัก! “!!!” ตุ๊บ จวบจนครึ่งชั่วยามผ่านพ้นกลับถูกมือดี…ไม่สินางรู้สึกว่าที่’ ผลัก’ ตนเองลงจากกำแพงนั้นหาใช่มือแต่น่าจะเป็นเท้าที่’ ถีบ’ ส่งนางลงมาบนหลังอาชาอย่างแม่นยำมากกว่าแต่พอตั้งสติหลังจากหายจุกและตกใจยังดีที่โต้วซานนั้นมีฝีมือบังคับม้ามันจึงไม่ตื่นเตลิดในยามที่นางตกลงมานางแหงนหน้าขึ้นไปมองกลับไม่พบสิ่งใดแม้แต่เงาหรือว่าที่แท้ตนเองจะถูก ‘ผี’ ถีบเข้าเสียแล้ว …ให้ตายเถอะ!… ขนลุกไปทั้งกายทันทีที่เมื่อครู่คิดว่าความสูงน่ากลัวแล้วบัดนี้ผีกลับหน้ากลัวว่า ‘เวรกรรมจริงๆ เลยนางจันทร์เอ๊ยสงสัยแต้มบุญที่มีจะใช้ไปหมดแล้วช่วงนี้จะทำอะไรก็ติดขัดไปหมดราหูอมอยู่แน่ๆ’ “บังคับม้าพาข้าไปหอชุนอวี่” บ่นในใจเสร็จจึงปั้นเสียงขรึมสั่งการโต้วซานราวกับบุคคลที่นั่งทดท้อกับชีวิตบนกำแพงอยู่ครึ่งชั่วยามนั้นมิเคยมีมาก่อนจวบจนม้าของสองนายและบ่าวพ้นตรอกไปแล้ว บุรุษที่ใช้ความมืดอำพรางกายอยู่จึงใช้กำลังภายในลงมาจากต้นหลิวด้วยกิริยาองอาจอย่างยิ่ง “ท่านอ๋องผลักคุณหนูสี่ลงมาเช่นนั้นมิกลัวนางพลาดแล้วบาดเจ็บหรือพ่ะย่ะค่ะ” เกิดมาจนจะสามสิบหนาวซ่งจินและไป๋ลู่ก็เพิ่งจะเคยเห็นบุรุษเต็มกายใช้เท้าผลักสตรีบอบบางเป็นบุญตาก็ราตรีนี้ “ใครบอกว่าข้าผลักนาง ข้าถีบนางต่างหาก แล้วหากนางเกิดตกลงไปคอหักตายนั่นก็เพราะคนของนางไร้ฝีมือบังคับม้าส่วนข้าถือว่าถีบได้ดีแล้ว” “…..” ซ่งจิน “…..” ไป๋ลู่ สององครักษ์อยากหัวเราะก็ไม่กล้าจะร้องไห้กลับไม่สมควรมีเพียงทำหน้าราวกับกลืนก้อนถ่านแดงๆ ลงท้องเท่านั้นที่อีกฝ่ายดูภาคภูมิใจที่ตนเองนั้น'ถีบ'ได้ดีดีจนถึงขั้นมาคุยโอ้อวด “ไปกันเถอะเผื่อภรรยาของข้านางเกิดเรื่องข้าผู้เป็นสามีที่ดีจะได้ช่วยเหลือนางได้ทัน” …เกรงว่าที่ช่วยเหลือคงเป็นช่วยซ้ำเติมเสียละมาก… ซ่งจินและไป๋ลู่ต่างคิดตรงกันราวกับนัดเพราะที่เห็นเมื่อครู่ก็เป็นเช่นนั้นจะให้ดีกล่านั้นเกรงว่าจะมิใช่ท่านอ๋องแปดแล้วแต่กล่าวจากใจถึงพวกตนล้วนทราบว่าท่านอ๋องแปดหาใช่คนดีแต่ถึงขึ้นถีบภรรยาตนเองนี้พวกเขากลับนับถือเพิ่มพูนไปอีกหลายส่วน!